สถานการณ์ของ "พรรคอนาคตใหม่" เวลานี้ไม่สู้ดีนัก ไม่ใช่เพียงเพราะ อนาคตใหม่เพิ่งเสียที่นั่งส.ส.นครปฐม เขตที่ 5 ไปให้กับ "พรรคชาติไทยพัฒนา" พรรคในปีกของรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังจะกลายเป็น "เงื่อนไข" ที่ก่อให้เกิดแรงเสียดทาน ทำให้ "งูเห่า" ที่ยังไม่เปิดตัว อาจต้อง "เร่งตัดสินใจ" มองถึง "อนาคต" ทางการเมืองตัวเอง กันใหม่ด้วยหรือไม่ ? ตัวเล่นหลักของ อนาคตใหม่วันนี้ยังต้องยึดโยงอยู่กับ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค รวมทั้ง "ปิยบุตร แสงกนกกุล" นักวิชาการคนดังที่หวังมาเอาดีทางการเมือง ในฐานะ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค เพราะต้องไม่ลืมว่า เมื่อ พรรคอนาคตใหม่ มาด้วย "กระแส"ที่เป็นเหมือน "พลุ" ถูกจุดขึ้นแล้วสว่างวาบ โดดเด่นเหนือพรรคต่างๆ หรือแม้แต่ "พรรคเพื่อไทย" ที่เป็นพรรคอันดับหนึ่ง ก็ยังต้องปล่อยให้ อนาคตใหม่เป็นฝ่าย "กำหนดเกม" ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน อย่างที่เห็น ด้วยกระแส ของธนาธร และปิยบุตร ที่เป็นทั้ง "จุดขาย-จุดแข็ง" จึงมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในจังหวะที่พรรคต้องรับศึกหลายทาง ! การสูญเสียที่นั่งส.ส.นครปฐม เขต 5 สำหรับพรรคอนาคตใหม่ รอบนี้ ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะอาจจะส่งผลกระทบไปยัง "ฐานเสียง" และ "ความเชื่อมั่น" ของพรรคเอง ทั้งในสนามเลือกตั้งซ่อมที่ยังเหลืออยู่อีก 3 เขตเลือกตั้ง ไปจนถึงการดำรงอยู่บนสังเวียนการเมืองของอนาคตใหม่ต่อจากนี้ ความเชื่อมั่น และความเป็นเอกภาพของพรรคอนาคตใหม่ ดูเหมือนจะถูกสั่นคลอด ท้าทายอย่างชัดเจนจากปัญหา "ภายใน" อันเกิดจาก "ความขัดแย้ง" ระหว่างสมาชิกพรรค ไปจนถึงส.ส.กับ "กลุ่มผู้บริหาร" ของพรรคอันมี ธนาธร และปิยบุตร นั่งอยู่หัวโต๊ะ การโหวตกฎหมาย 2 ฉบับ ทั้งพ.ร.ก.การโอนย้ายอัตรากำลังพลฯ กับร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2563 ที่ผ่านการพิจารณาจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไปเรียบร้อยแล้ว ด้วย "เสียงข้างมาก" นั้น แน่นอนว่า เสียงข้างมากที่ว่านั้นกลับมีพรรคการเมืองฝ่ายค้าน บางส่วนโหวตสนับสนุน "ฝ่าฝืนมติ" ของพรรคอนาคตใหม่ จนกลายเป็นประเด็นที่เขย่าพรรคอย่างหนัก และดูเหมือนว่า ความวุ่นวายภายในพรรคอนาคตใหม่ยังไม่จบลงง่าย ๆ เมื่อมีสมาชิกของพรรค รายอื่นๆออกมาเปิดเผยถึง "ปัญหา" ที่เป็นสาเหตุทำให้พรรคร้าวลึก เมื่อมีการแบ่งแยกกันเป็นกลุ่มก๊วน ใครที่ "สายตรง"กับ ธนาธร-ปิยบุตร ก็จะได้รับการดูแลอย่างดี แน่นอนว่า สถานการณ์ที่กำลังเป็นลบเช่นนี้ ทั้ง ธนาธร และปิยบุตร เองในฐานะที่เป็นเหมือน "แม่เหล็ก" ของพรรค จะต้องทำหน้าที่ "ถือธงนำ" แสดงความเชื่อมั่น แสดงให้คนใน-นอก ได้เห็นถึง "ศักยภาพ" และ "เอกภาพ" ให้มากที่สุด จะด้วยหนทางใด ก็ตาม เพราะไม่เช่นนั้นโอกาสที่พรรคจะเดินไปสู่วิกฤติอันเกิดจากปัญหาภายในของพรรคเอง จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น !