ในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต. ให้วินิจฉัยสมาชิกภาพของ นายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98(6) หรือไม่ จากกรณีต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแก่นลงโทษประหารชีวิต ในคดีจ้างวานฆ่า และให้คุมขังนายนวัธไว้ระหว่างอุทธรณ์ฎีกา ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ พร้อมมีคำสั่งให้นายนวัธหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย เนื่องจากเห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้อง และเอกสารประกอบคำร้องปรากฏชัดเจนว่า ศาลจังหวัดขอนแก่นได้มีคำพิพากษาลงโทษประหารชีวิตนายนวัธ โดยศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์และศาลจังหวัดขอนแก่นได้ออกหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์นายนวัธตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. 62 เป็นต้นไป จึงปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้องแล้ว แม้พรรคเพื่อไทย จะเตรียมทำหนังสือส่งถึงประธานสภาฯ ภายในวันที่16ต.ค.เพื่อขอให้วินิจฉัยในการทำเรื่องขอตัวนายนวัธออกจากเรือนจำเพื่อทำหน้าที่ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ก็ตาม ทำให้ในส่วนของส.ส.ฝ่ายค้านขาดนายนวัธไป 1 เสียง อย่างไรก็ตามกระบวนการในการวินิจฉัยสมาชิกภาพของนายนวัธ ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าจะสิ้นสุด ขณะที่อีกคดีหนึ่งกระชั้นเข้ามาทุกขณะแล้ว โดยวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดไต่สวนพยานคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต. ขอให้ศาลวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจสื่อสารมวลชน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ ตามกระบวนการ เมื่อศาลออกนั่งพิจารณาและไต่สวนพยานแล้ว หากศาลเห็นว่าควรไต่สวนต่อไปจะกำหนดวันไต่สวนครั้งต่อไป แต่หากเห็นว่าพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยแล้ว อาจยุติการไต่สวน พร้อมนัดประชุมเพื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไป เพื่อให้ตุลาการซึ่งเป็นองค์คณะทุกคนทำความเห็นส่วนตนพร้อมแถลงด้วยวาจาต่อไปที่ประชุมก่อนลงมติ หากศาลตัดสินว่า มีความผิด นายธนาธร ต้องพ้นจากการเป็นส.ส. และอาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 54 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.สมัครลงรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ทั้งที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ขณะที่มาตรา 151 ยังระบุว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งรู้ตัวว่า ไม่มีสิทธิแล้วยังสมัครรับเลือกตั้งต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาทและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี ที่สำคัญคือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่ โดยมาตรา 132 (3) ที่กำหนดว่า หัวหน้าพรรค หรือคณะกรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็น ปล่อยปละละเลยให้มีการ กระทำผิดโดยไม่ยับยั้ง ให้ กกต.ยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ยุบพรรคการเมือง ในขณะที่สถานการณ์ นายธนาธรเอง ยังถูกยื่นคำร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช.ตรวจสอบ ฐานเป็นนักการเมืองที่ถูกสถานทูตจีนท้วงว่าสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมในฮ่องกง นั้นเป็นการจงใจที่จะฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯและกฎหมายหรือไม่ เรียกว่ายังมีชนวนระเบิดทางการเมือง