“ ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้ควรจะลับหรือไม่ลับ จึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาร่วมกัน ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องพิจารณากันมา วันนี้ได้มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ไปประสานงานกับนายชวน หลีกภัยประธานสภาผู้แทนราษฎร ถึงวันที่ผมพร้อม ว่าจะกำหนดเป็นช่วงเวลาไหนอย่างไร และก็สุดแล้วแต่ว่าสภาฯจะตัดสินใจอย่างไร และก็ยังไม่รู้ว่า ที่ประชุมสภา จะให้ประชุมลับหรือไม่” คำตอบจาก “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จับใจความได้ว่า นาทีนี้การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 152 ว่าด้วยประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณนั้น บิ๊กตู่ไม่หวั่นไหวแล้วว่าจะเป็นการประชุม “ลับ” หรือ “เปิดเผย” เช่นเดียวกันกับ “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่คอบคำถามเดียวกันว่า “ก็ขึ้นอยู่กับสภาฯ แต่ส่วนตัวคิดว่าคงไม่จำเป็น สามารถเปิดเป็นการประชุมเปิดได้ เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนอยากรู้” นอกจากฝ่ายรัฐบาลจะใจกว้าง “เปิดทาง” ล่อให้ “ฝ่ายค้าน” ประชุมโดยเปิดเผยเพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ล่าสุด “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พลังงานและในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ออกมาระบุว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบเลือกวันที่ 18 ก.ย.เป็นวันอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ตามที่ฝ่ายค้านได้เสนอญัตติ โดยพล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางไปชี้แจงกรณีดังกล่าวในสภาด้วยตัวเอง แน่นอนว่า เมื่อรัฐบาลเลือกเอาวันที่ 18 ก.ย.ให้ซักฟอกนายกฯ จึงเกิดปฏิกริยาตามมาจาก “พรรคฝ่ายค้าน” ทันที เนื่องจากวันที่ 18 ก.ย.คือวันสุดท้ายในสมัยประชุมสภาฯ หมายความว่า พรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ที่หมายมั่นว่าจะใช้ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อดำเนินการกับ “ฝ่ายรัฐบาล” ด้วยพุ่งเป้ามาโดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำครม.เข้าถวายสัตย์ ฯ ก็อาจจะต้องเป็นฝ่าย “ปรับเกม” กันยกใหญ่ แม้ “ นายสุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) จะออกมาโวยว่านี่คือ “ความใจแคบ” ของฝ่ายรัฐบาล ที่ให้เวลาซักฟอกเพียงวันเดียว แต่ลึกๆแล้วฝ่ายค้านเองต้องเจอกับปัญหา “เฉพาะหน้า” นั่นคือการปรับลดจำนวนผู้อภิปรายยังไม่พอ แต่ยังต้อง “ระมัดระวัง” เนื้อหาสาระที่จะนำมาอภิปรายในที่ประชุมอีกด้วย นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าในช่วง1-2วันที่ผ่านมา “แกนนำพรรคพลังประชารัฐ” หลายต่อหลายคน ต่างพร้อใจกันออกส่งสัญญาณ “กดดัน” ให้ “ฝ่ายค้าน” เตรียมรับผิดชอบ รับสภาพต่อเนื้อหาและถ้อยคำที่นำมาพูดในที่ประชุมกันเอง ทั้งความสุ่มเสี่ยง และการให้เวลาเพียงวันเดียวของรัฐบาลเช่นนี้ แน่นอนว่า ต้องมองข้ามเสียงครหาจากฝ่ายค้านเรื่อง ใจแคบหรือความวิตกกังวล ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะมาชี้แจงด้วยตนเองหรือไม่ ไปแล้วโดยไม่ต้องสงสัย แต่ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาจากนี้ น่าสนใจว่า ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลเอง จะทำอย่างไร สำหรับประเด็นที่มีความสำคัญและสุ่มเสี่ยงที่จะพาดพึงเบื้องสูงเพื่อหลีกเลี่ยงการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเผชิญหน้ากับความเปราะบาง ให้มากที่สุด !!