สถาพร ศรีสัจจัง นานๆครั้งที่วงสภากาแฟชาวบ้านที่ปักษ์ใต้วงนั้น (วงที่เชียร์นายกฯลุงตู่แบบขาดใจมาตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลน้องสาวคนสวยของอดีตนายกฯทักษิณ พี่เอื้อยใหญ่แห่งชินวัตรวงศ์คนนั้น)จะมีเสียงสอดประสานเป็นเอกฉันท์ นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เอกภาพดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย ทั้งๆที่วันดวงจันทร์เสวยมาฆะฤกษ์พ้นผ่านไปนานหลายคืนเข้าแล้ว คือเรื่องเกี่ยวกับการที่รัฐบาลของนายกฯลุงตู่ไฟเขียวให้สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งที่กระบี่ และ ที่อ.เทพา จังหวัดสงขลา! ใครบางคนเริ่มต้นเรื่องนี้ด้วยการยกบทกวีชิ้นเยี่ยมล่าสุดของ “ครูใหญ่เพลงเพื่อชีวิต” ท่านสุรชัย จันทิมาธร ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (ที่บางใครวิพากษ์กันระงมว่าถ้ารอให้ได้ในสาขาที่ “ยิ่ง” ควรได้ คือสาขาศิลปะการแสดงนั้น แม้จะต้องรอจนถึง “ชาติหน้าตอนบ่ายๆก็คงไม่ได้ เพราะท่านสุรชัยฯไม่ใช่'เสี่ยแอ๊ด คาราบาวแดง” ที่ป๊อบจนใครก็สะกัดไม่อยู่นี่หว่า!) ขอยกมาถ่ายทอดต่อแบบเต็มๆให้สาธุชนได้ฟังละนะ... “เขาไม่เอาถ่านหินได้ยินไหม/ท่านผู้ใหญ่กำนันทั่นเจ้าสัว/เขาร้องแรกแหกอกแทบชกตัว/ยังเมามัวมึนอะไรก็ไม่รู้/พูดอะไรไปเรื่อยคนละเรื่อง/มันเปล่าเปลืองน้ำลายเหมือนนายตู่/โรงไฟฟ้าสกปรกนกปลาปู/คนจะอยู่อย่างไรไม่เห็นแคร์/ธรรมชาติสะอาดยิ่งกว่าสิ่งไหน/เอาถ่านหินมาใส่ให้ย่ำแย่/ฝุ่นละอองยองใยใครเหลียวแล/ก็มีแต่ชาวบ้านรับทานมัน/เรื่องง่ายๆอาจกลายเป็นเรื่องยาก/ถ้านับจากนี้ไปไม่เหหัน/รัฐบาลอาจล้มสมใจกัน/เพราะดื้อรั้นดันไปไม่เห็นดี/สิ่งแวดล้อมถนอมไว้ให้คุณค่า/งดงามกว่าขี้ไฟไหม้ดำปี๋/โรงงานใหญ่ปล่อยควันมันอัปรีย์/คนกระบี่หรือที่ไหนก็ไม่เอา/คิดผิดคิดใหม่ได้ไม่เห็นยาก/แต่ถ้าหากยืนยันมันก็เศร้า/ความขัดแย้งครั้งนี้มิบันเบา/ไฟจะเผาผู้ใดไม่อยากคิด!..” ปกติ เป็นที่รู้กันว่าคุณสุรชัยฯนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะใช้ “ความรู้สึก” แบบดิบๆตรงๆแต่ผ่านกระบวนการคิดด้วยความจัดเจนชีวิตและลึกซึ้งด้วยถ้อยภาษาแบบ “Simplisity” เสมอๆมา เหมือนกับเพลงจำนวนมากของเขาในรอบกว่า 40 ปีที่ยังคงอมตะอยู่ในใจคนจำนวนไม่น้อย สมาชิกคนอื่นในวงสภากาแฟแห่งนั้นล้วนช่วยกันเสริมความเห็นกันระงม ส่วนใหญ่มักไปในทำนอง บ่นน้อยใจและเป็นห่วงนายกฯลุงตู่ตามประสาที่เป็นขาเชียร์มาโดยตลอด บางใครในนั้นยกข้อมูลความเห็นของนักวิชาการสำคัญๆหลายคนมาอ้างอิง บอกว่าข้อมูลความเห็นที่ยกมาล้วนเป็น'ตัวจริงของจริง'ที่น่ารับฟังทั้งสิ้น เท่าที่เห็นชื่อและจำได้ก็เช่น บทความเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินของ รองศาสตราจารย์ ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันพัฒนบริหารศาสตร์หรือ'นิด้า' ตอนหนึ่งถึงกับยกคำมาอ้างเป็นประโยคๆกันเลยทีเดียว เขาบอก ดร.พิชายสรุปบทความของเธอว่า “...ถ่านหินเป็นอันตรายต่อมนุษยชาติมากในหลากมิติ แม้ดูผิวเผินว่าราคาถูกในแง่วัตถุดิบ แต่แพงมากเมื่อเทียบกับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นตามมา...” แต่อีกคนย้ำว่าข้อมูลที่เขาได้รับจาก facebook ของผู้ช่วยศาสตราจารย์ประสาท มีแต้ม อดีตอาจารย์สอนคณิตศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ที่ภายหลังผันตัวเองมาเป็นนักศึกษาค้นคว้าด้านพลังงานจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้รู้และมีข้อมูลกว้างและลึกที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทยยามนี้น่าสนใจกว่ามาก ทั้งยังย้ำว่าข้อมูลเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าถ่านหินของท่านผู้นี้ทำมาอย่างยาวนานและอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงได้หมด น่าเชื่อถือมาก เพราะตัวท่านเป็นทั้งหนึ่งในกรรมการ 3 ฝ่าย เป็นอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และเป็นกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านบริการสาธารณะ ในคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชนอีกด้วย ขณะวงสภากาแฟจะสรุปพิพากษานายกฯลุงตู่อยู่นั้น บางใครที่เพิ่งมาถึงสภาฯก็กระหืดกระหอบรายงานขึ้นว่า ข่าวล่ามาเร็วทางทึวี.บอกว่าสงสัยนายกฯลุงตู่คงได้อ่านกลอนของสุรชัย จันทิมาธร ศิลปินแห่งชาติคนนั้นแล้ว และคง “พลันคิดได้” บัดนี้จึงสั่งให้เสธฯไก่อูช่างพูด (ในตำแหน่งพลโท.)มาแจ้งผู้นำการประท้วงที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวมาทั้ง 5 คน(มีไฮโซกลับใจผู้น่ารัก ลูกชายนางงามจักรวาลคนนั้นรวมอยู่ด้วย)รวมถึงคณะผู้ประท้วงทั้งหลายว่า จะให้มีการทบทวนเรื่องการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ใหม่อีกครั้ง ขอให้กลับบ้านปักษ์ใต้กันได้แล้ว หรือนี่จะเป็นเพราะบทกลอนที่'ครูใหญ่เพลงเพื่อชีวิต'บอกเตือนสติไว้ในวรรคที่ว่า”คิดผิดคิดใหม่ได้ไม่เห็นยาก”? หลายใครในวงสภากาแฟแห่งนั้นถกกันระงม พร้อมการถอนหายใจยาวๆแบบโล่งอกไปที!!!!