บทความ บทวิเคราะห์

ส่องศึกเลือกตั้งชลบุรี “2 บ้านใหญ่” ทิ้งความแค้น!! จับมือล้างตา “พรรคส้ม”

แชร์ข่าว

การเมืองชลบุรีกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อครั้งใหญ่ เมื่อสองตระกูลการเมืองที่เคยเป็นคู่แข่งดุเดือด คือ“บ้านใหญ่สุชาติ ชมกลิ่น” และ “บ้านใหญ่สนธยา คุณปลื้ม”ส่งสัญญาณจับมือร่วมกันภายใต้พรรคภูมิใจไทย

ความขัดแย้งที่ลากยาวมาหลายปีถูกเก็บเข้าลิ้นชัก เพราะเป้าหมายในศึกเลือกตั้งครั้งใหม่ชัดเจนกว่าเดิม นั่นคือการ “ล้างตาพรรคส้ม” ในชลบุรี หลังผลเลือกตั้งครั้งก่อนที่พรรคก้าวไกลซึ่งปัจจุบันกลายร่างมาเป็นพรรคประชาชนสามารถแจ้งเกิดอย่างงดงาม ด้วยการเจาะพื้นที่ดั้งเดิมของบ้านใหญ่แบบที่หลายฝ่ายไม่คาดคิด

คำประกาศของสุชาติ ชมกลิ่น ที่ว่า “วันนี้ไม่มีบ้านเก่า บ้านใหม่ มีแต่บ้านเรา” ไม่ใช่เพียงวาทกรรมสวยหรู แต่มันคือสัญญาณของการพลิกโฉมหน้าการเมืองชลบุรีอย่างแท้จริง เมื่อผู้นำบ้านใหญ่ทั้งสองขั้วตัดสินใจวางความแค้นลงเพื่อเป้าหมายร่วมกัน ซึ่งการรวมตัวครั้งนี้ไม่เพียงปิดฉากความแตกแยกภายในระหว่างสองกลุ่มการเมือง แต่ยังส่งผลให้พรรคภูมิใจไทยกลายเป็นเวทีใหม่ที่มีพลังมากที่สุดในภาคตะวันออก

ฝั่งสนธยา คุณปลื้ม แม้จะยังไม่ขึ้นเวทีเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ทุกสัญญาณชี้ชัดว่ากำลังเดินเข้าสู่พรรคภูมิใจไทยเต็มตัว การพบปะ การประสานงานในพื้นที่ และคำยืนยันจากแกนนำพรรค ล้วนบอกว่าดีลนี้เดินมาถึงขั้นเกือบ “ปิดเกม” แล้ว เหลือเพียงขั้นตอนพิธีการเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายฝ่ายจะจับตาว่าการประชุมพรรคภูมิใจไทยในช่วงปลายปีนี้ อาจเป็นวันที่กลุ่มบ้านใหญ่ชลบุรีเปิดตัวร่วมพรรคอย่างเป็นทางการ

แรงจูงใจของการรวมตัวไม่ได้ซับซ้อนอะไร ผลเลือกตั้งครั้งก่อนทำให้บ้านใหญ่ทั้งสองเจ็บหนัก เพราะพรรคส้มสามารถทะลวงพื้นที่ที่เคยเป็นฐานเสียงแข็งแรง แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นกลายเป็นบทเรียนสำคัญว่า หากบ้านใหญ่ยังเดินแยกกัน ชลบุรีจะเปลี่ยนสีอย่างถาวร ทำให้ทั้งสองตระกูลต้องกลับมานั่งโต๊ะร่วมกัน เพื่อรวมพลังทวงคืนพื้นที่จากพรรคส้มให้ได้มากที่สุด

พรรคภูมิใจไทยเองก็ได้ประโยชน์เต็มที่จากดีลนี้ เพราะชลบุรีถือเป็นเมืองยุทธศาสตร์ทั้งด้านอุตสาหกรรม ท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และเครือข่ายท้องถิ่น การมีบ้านใหญ่สองสายเข้ามาอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน คือการสร้างพลังการเมืองที่ยากจะต่อกร ด้วยทุน อิทธิพล และโครงสร้างที่ปักลึกในพื้นที่ยาวนานหลายสิบปี พรรคภูมิใจไทยแทบไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ เพียงเปิดพื้นที่ให้กลุ่มบ้านใหญ่บริหารเขตเลือกตั้งตามความถนัด ก็เพียงพอให้เกิดแรงกระเพื่อมใหญ่ในภาคตะวันออกได้แล้ว

แต่เกมนี้ก็ไม่ได้ง่ายไปเสียทั้งหมด เพราะพรรคส้มพิสูจน์มาแล้วว่ากระแส “การเมืองใหม่” ไม่ใช่เรื่องชั่วคราว แต่เป็นพลังที่จับต้องได้ในพื้นที่จริง คนรุ่นใหม่ในชลบุรียังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การทำงานเชิงนโยบายที่โดนใจ และการสื่อสารออนไลน์ที่เข้าถึงง่าย ทำให้พรรคส้มยังคงเป็นคู่แข่งที่อันตราย หากบ้านใหญ่ไม่สามารถสร้างภาพใหม่ที่ตอบโจทย์ประชาชนมากกว่าเดิม หรือยังคงหมุนอยู่กับการเมืองแบบเดิม โอกาสที่พรรคส้มจะเบียดเข้ามาอีกครั้งก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ดังนั้น ศึกเลือกตั้งชลบุรีรอบนี้ จึงไม่ใช่แค่การช่วงชิง ส.ส. แต่เป็นการชิง “อนาคตของพื้นที่” ระหว่างพลังการเมืองเก่าที่ต้องปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ กับกระแสการเมืองรุ่นใหม่ที่ต้องพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของสองบ้านใหญ่หรือพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเมืองไทยยุคเปลี่ยนผ่าน ที่โครงสร้างเก่าและคลื่นใหม่กำลังจะปะทะกันอย่างรุนแรงที่สุดบนแผ่นดินชลบุรี

ศึกนี้ยังไม่เริ่ม แต่ควันไฟโชยให้เห็นตั้งแต่วันนี้แล้ว และผลลัพธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะสะท้อนให้เห็นภาพใหญ่ของการเมืองไทยในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย หากบ้านใหญ่จับมือสำเร็จ ชลบุรีอาจกลับไปอยู่ในกำมือของพรรคภูมิใจไทยแบบเบ็ดเสร็จ แต่หากพรรคส้มรักษากระแสและสร้างฐานเสียงใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ก็อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์เช่นกัน

ชลบุรีจึงไม่ใช่เพียงสมรภูมิท้องถิ่นอีกต่อไป แต่คือสนามรบที่จะประกาศว่า “พลังเก่าเมื่อรวมกันแล้ว” จะยังหยุดการเมืองใหม่ได้หรือไม่ และคำตอบนั้นจะกำหนดทิศทางการเมืองไทยหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างแน่นอน