สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) จัดโครงการ “สื่อมวลชนสัญจร สืบสานพระราชดำริ ปี 2568” นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ศึกษาผลสำเร็จของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นต้นแบบการพัฒนา “จากยอดเขา สู่ท้องทะเล” ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติควบคู่การพัฒนาอาชีพชุมชนในรูปแบบ “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต” โดยได้รับการต้อนรับจากนายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568
นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการสำนักงาน กปร. กล่าวว่า ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ เป็น 1 ใน 6 ศูนย์ศึกษาการพัฒนาตามพระราชดำริทั่วประเทศ ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อเป็นแหล่งวิจัย ทดลอง และขยายผลองค์ความรู้ด้านการจัดการดิน น้ำ ป่า และการทำกินให้แก่ประชาชน โดยสำนักงาน กปร. ทำหน้าที่ประสานงาน วางแผน และสนับสนุนงบประมาณ เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ บูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ พร้อมเปิดพื้นที่ให้เกษตรกร นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปเข้ามาเรียนรู้ ซึ่งมีผู้เยี่ยมชมกว่า 4–5 แสนคนต่อปี
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ ก่อตั้งเมื่อปี 2524 เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งและพัฒนาชุมชนครอบคลุมพื้นที่ 33 หมู่บ้านใน 2 อำเภอของจังหวัดจันทบุรี โดยดำเนินงานตั้งแต่พื้นที่ป่า ต้นน้ำ เกษตรกรรม จนถึงป่าชายเลนและการประมงชายฝั่ง สร้างสมดุลนิเวศสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
การลงพื้นที่ครั้งนี้เริ่มต้นที่งานผลิตพันธุ์สัตว์น้ำชายฝั่ง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูทรัพยากรทะเล ด้วยการเพาะพันธุ์ปลากะพงขาว หอยชักตีน และปลาการ์ตูน ให้เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และต้นแบบอาชีพใหม่ จากนั้นคณะสื่อมวลชนได้เยี่ยมชมแปลงเกษตรผสมผสานบนดินตะกอนชายฝั่งที่เคยเสื่อมโทรม แต่ได้รับการฟื้นฟูด้วยหลักการจัดการดิน น้ำ และพืชที่เหมาะสม จนกลายเป็นต้นแบบความมั่นคงทางอาหารชุมชน
คณะสื่อมวลชนยังได้เยี่ยมชมศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของพระราชดำริในพื้นที่แห่งนี้ ป่าชายเลนผืนนี้เคยถูกทำลายอย่างหนัก แต่ปัจจุบันได้รับการฟื้นฟูจนกลับมาอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งขยายพันธุ์สัตว์น้ำวัยอ่อน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศโดดเด่นของจังหวัด นอกจากนี้ยังได้ร่วมปล่อยสัตว์น้ำคืนสู่ธรรมชาติบนสะพานศึกษาธรรมชาติระยะทาง 1,600 เมตร
การเยี่ยมชมยังครอบคลุมงานเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเล ทั้งสาหร่ายพวงองุ่นและสาหร่ายผักกาดทะเล รวมถึงการเลี้ยงร่วมกับปูทะเลและปลากระบอกดำ ซึ่งเป็นต้นแบบฟาร์มเชิงนิเวศที่สร้างรายได้ให้ชุมชน และปิดท้ายด้วยการเยี่ยมชม “อาคารสิริพัฒนภัณฑ์” แหล่งรวมผลิตภัณฑ์คุณภาพจากศูนย์ฯ และชุมชน เช่น ผลิตภัณฑ์สาหร่ายทะเล ผักปลอดสารพิษ น้ำปลาแท้ กะปิแท้ และงานจักสาน ซึ่งช่วยสร้างงานและรายได้ให้ชุมชนฐานรากอย่างต่อเนื่อง
ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความสำเร็จของการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ “จากยอดเขา สู่ท้องทะเล” ที่ไม่เพียงฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน







