ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 22 พ.ย. 68 ในพื้นที่จังหวัดปัตตานีทั้ง 12 อำเภอ ยังคงมีสภาพอากาศปกคลุมด้วยเมฆหนาแน่น ก่อนจะมีฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำฝนสะสมจำนวนมาก ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปัตตานีเพิ่มสูงขึ้นเป็นระยะ โดยจากการสำรวจพบว่าสีน้ำในแม่น้ำเริ่มขุ่น มีกระแสน้ำแรง เชื่อว่าน่าจะเป็นน้ำป่าที่ไหลลงมาจากพื้นที่ภูเขา ก่อนจะไหลลงสู่ทะเล
ขณะเดียวกัน ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีปริมาณฝนที่ตกลงมาอย่างหนักได้ส่งผลกระทบต่อการจราจรอย่างมาก ประชาชนที่ใช้ถนนหลายสายต้องสัญจรด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีน้ำท่วมขังหลายจุด ทางจังหวัดปัตตานีได้จัดกำลังและเครื่องสูบน้ำติดตั้งตามจุดเสี่ยง พร้อมเร่งระบายน้ำอย่างเต็มกำลัง เพื่อป้องกันระดับน้ำท่วมขังไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นจนส่งผลกระทบวงกว้าง
สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ ถนนเจริญประดิษฐ์ ต.รูสะมิแล หรือที่รู้จักกันว่า ถนน มอ.ปัตตานี ปรากฏว่ามีน้ำท่วมขังยาวกว่า 1 กิโลเมตร ระดับน้ำสูงประมาณ 30–40 เซนติเมตร น้ำระบายออกไม่ทัน ทำให้ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์สัญจรได้อย่างยากลำบาก บางรายรถดับกลางน้ำ ขณะที่ร้านค้าและบ้านเรือนสองข้างทางได้รับผลกระทบหลายหลัง น้ำได้ไหลทะลักเข้าบริเวณภายในบ้าน โดยเฉพาะจากแรงน้ำที่ถูกพัดเข้ามาเวลารถผ่าน ทำให้ประชาชนต้องเร่งนำกระสอบทรายมาวางกั้นน้ำ แต่ก็มีบางครัวเรือนที่ขาดแคลนกระสอบทราย จึงใช้ไม้กระดานและสิ่งของภายในบ้านทำแนวกั้นน้ำชั่วคราว
นอกจากนี้ ในซอยต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกับถนนเจริญประดิษฐ์ ต.รูสะมิแล ยังพบว่าระดับน้ำท่วมสูงกว่า 50–60 เซนติเมตร ส่งผลให้รถยนต์ขนาดเล็กและรถจักรยานยนต์ไม่สามารถผ่านเส้นทางได้ หลายบ้านอเดินลุยน้ำเพื่อสัญจรออกจากบ้าน ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนัก
ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า ถนนสายดังกล่าวมักเกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากทุกปีเมื่อมีฝนตกหนัก ต่างตั้งคำถามถึงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ว่าทำไมจึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน ทั้งที่เป็นเส้นทางหลักที่มีประชาชนสัญจรจำนวนมาก และรายล้อมด้วยชุมชนหนาแน่น
ขณะนี้หน่วยงานท้องถิ่นอยู่ระหว่างลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์เพิ่มเติม พร้อมจัดกำลังช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน และเตรียมแผนสำรองในกรณีที่ฝนยังคงตกต่อเนื่องในช่วง 1–2 วันข้างหน้า
#ภูมิภาค-74








