วันที่ 24 ธ.ค.2568 เวลา 10.30 น. ที่โรงละครอักษรา ศูนย์การค้าคิงพาวเวอร์ พรรคภูมิใจไทยจัดการประชุมพรรค และแถลงนโยบายในการเลือกตั้ง นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รวมถึงแกนนำกลุ่มต่างๆ ที่เพิ่งเข้ามาอยู่พรรคภูมิใจไทย อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ นายสนธยา คุณปลื้ม นายสุชาติ ชมกลิ่น แกนนำรัฐบาลที่ถูกจับตาว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคภูมิใจไทยมาร่วมอย่างพร้อมหน้าทั้ง นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรมว.คลัง นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ และว่าที่ผู้สมัคร สส.ทั้ง 500 คนมาร่วมประชุมอย่างคึกคัก
โดยนายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้มาเร็วกว่าที่คาดคิด ก่อนหน้านี้ตนมีความกังวลระดับหนึ่ง แต่วันนี้ความกังวลเปลี่ยนแปลงเป็นความมั่นใจ และวันนี้พรรคมีความมั่นใจ มีความพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งเพื่อรับใช้ประเทศ และประชาชน การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญที่สุดตั้งแต่มีพรรคภูมิใจไทยมา เพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเรารู้สึกได้ว่า ประชาชนชาวไทยตั้งความคาดหวังไว้สูงกับการทำงานของพรรค เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากความพร้อมสูงสุดในทุกๆด้าน ทั้งด้านบุคลากร นโยบาย และยุทธศาสตร์ ที่ต้องยกระดับเพิ่มขึ้น เป็นที่มาของสโลแกน “ภูมิใจไทยพูดแล้วทำพลัส”
นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยวันนี้มีประสบการณ์การครบถ้วนทุกรูปแบบ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วไม่ใช่เด็กละอ่อนอีกต่อไป เราผ่านประสบการณ์บริหารทุกด้านมาแล้วเราสามารถทำให้ประเทศไทยมีที่ยืนทุกมิติบนเวทีโลก พรรคภูมิใจไทยกล้าเสนอคำว่าพูดแล้วทำพลัส เพราะวันนี้พรรคมีความพร้อมสูงสุดทุกด้าน จึงสามารถพูดสิ่งทีใหญ่กว่าเดิม ครบกว่าเดิม ทำได้จริง และทำได้เลย ด้วยศักยภาพของบุคลากรวันนี้ที่มาอยู่กับพรรค นอกจากนี้ พรรคเคยผ่านงานท่ามกลางภาวะวิฤตครบทั้งภัยพิบัติโรคระบาด ความมั่นคงชายแดน ตนอยู่กับพรรคมานาน 10 กว่าปี เห็นมาตลอดว่าสมัยก่อนเรายังขาดอะไร แต่วันนี้มั่นใจแล้วว่าพรรคเติมเต็มส่วนที่ขาดทุกมิติเรียบร้อย
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า สำหรับสมาชิกใหม่ที่มาร่วมงานกับพรรค พรรคภูมิใจไทยผ่านการเลือกตั้งมา 3 ครั้ง ทุกครั้งพรรคเติบโตขึ้นเสมอไม่เคยเล็กลง และในการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงกราบขอโอกาสประชาชนอย่าทำให้กราฟพรรคภูมิใจไทยตกต่ำ แต่ขอให้พุ่งขึ้นเต็มที่ เพื่อสร้างความเจริญให้ประเทศได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ วันนี้พรรคมีความพร้อมสูงสุดในการตั้งใจรับใช้ประชาชน ไม่ใช่แค่ความสามารถในการทำงาน แต่เรามีความสามารถในการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างๆมีเอกภาพ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับข้าราชการ กองทัพ ทุกภาคส่วนของสังคม ทุกคนคงเห็นแล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยมีแต่คนทุ่มเททำงานไม่รูจักคำว่าเหนื่อย เราคัดสรรคนที่ทำงานเป็นมาทำงานให้ประชาชนเต็มที่ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเต็มไปด้วยคลังของคนทำงาน
นายอนุทิน กล่าวว่า ภัยของประเทศในวันนี้ หลักๆมี 4 ด้าน ที่เป็นภัยคุกคามประเทศทั้งเศรษฐกิจ สังคม ภัยพิบัติ และภัยความมั่นคง คนไทยในปัจจุบันเกิดความกลัวสารพัด แต่สิ่งที่ตนไม่อยากให้คนไทยต้องกังวลเลย คืออย่ากลัวเสียอธิปไตยของประเทศ พรรคภูมิใจไทยจะทำให้ความหวาดระแวง ความกลัวของท่าน เปลี่ยนมาเป็นความมั่นคง มั่งคั่ง และเชื่อมั่น สำหรับภัยความมั่นคง ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย ทำงานอย่างหนักในการแก้ปัญหาชายแดน ต้องขอบคุณทุกภาคส่วน
โดยเฉพาะกองทัพที่ให้ความเชื่อมั่นในรัฐบาลที่มีพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำ ทำให้ประเทศปลอดจากภัยคุกคาม เสริมสร้างศักยภาพกองทัพให้เข้มแข็ง เราต้องทำให้ประเทศไทยเป็นที่ยำเกรงของคนที่ประสงค์ร้ายต่อประเทศ เราจะทำต่อไปให้มีความแข็งแกร่งมั่นคงยิ่งขึ้น คนที่คิดว่าจะทำอะไรประเทศไทยหรือเราต้องยอมทุกอย่าง ต้องกลับไปพลิกตำราใหม่ เพราะต่อจากนี้ไทยจะมีความแข็งแกร่งโดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง พรรคสร้างรั้วแน่นอน แต่เป็นรั้วของชาติ สร้างความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตประชาชนทุกคน
เราจะสร้างรั้วของชาติที่ป้องกันภัยทุกมิติ ทั้งทาการทหาร ภัยสงคราม ภัยยาเสพติด ภัยการลักลอบขนของเถื่อน การลักลอบนำเข้าพืชผทางการเกษตร และแรงงานเถื่อน นอกจากนี้ เราจะสร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศสามารถป้องกันอาชญากรรมต่างๆได้ทั้งสแกมเมอร์ การพนัน ทุนเทา เพื่อให้ประชาชนจำว่าพรรคภูมิใจไทยไม่เอาเรื่องพวกนี้ไม่เอาสีเทาทั้งหมด เราจะสร้างรั้วปกป้องประเทศจากสิ่งเหล่านี้
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า พรรคภูมิใจไทยจะเปิดโอกาสทหารอาสาเพื่อรับใช้ชาติอย่างสมัครใจ และมีอนาคต เราจะเปลี่ยนคำว่าทหารเกณฑ์เป็นคำว่าทหารอาสา เพื่อจะได้มีทหารที่ตั้งใจเต็มใจเข้ามาปกป้องอธิปไตยดินแดนของเรา โดยจะเปิดรับสมัครทหารอาสา 1 แสนคน ให้พวกเขาได้รับราชการเป็นทหาร 4 ปี เงินเดือน 12,000 หมื่นบาท จะทำให้ประเทศมีกำลังพลที่เข้มแข็งเพื่อปกป้องแผ่นดิน ส่วนด้านเศรษฐกิจ 2-3 เดือน ที่ผ่านมาเรามีโยบาย “ควิก บิ๊ก วิน” มาให้ประชาชน ทำโครงการคนละครึ่งพลัส ที่ยังติดประชาชนอยู่คนละ 2,400 บาท ขอให้ตนได้มีโอกาสกลับมาชำระหนี้ให้
แน่นอนว่าโครงการนี้จะกลับมาแบบไม่ธรรมดา เพราะมีคำว่าพลัสกลับไปด้วย รวมถึงจะทำให้สินค้าที่ประทับตราเมดอินไทยแลนด์ เป็นสินค้าที่ทรงพลังที่ทั่วโลกต้องการ และที่ผ่านมาเราทำให้เห็นแล้วว่า เราเป็นฝ่ายตรงข้ามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ผู้ค้ายาเสพติด ปราบสแกมเมอร์ เพื่อดูแลประชาชนไม่ใช่แค่คนไทย เพราะเรื่องนี้เป็นภัยคุกคามทั่วโลก 3 เดือนที่ผ่านมา เราได้แสดงผลงานได้เป็นที่ประจักษ์ เศรฐกิจดีขึ้น ราคาข้าว มันสำปะหลัง มีราคาสูงขึ้น เราได้นำประเทศไทยกลับคืนสู่เวทีโลก รักษาเกียรติภูมิของประเทศ ถ้าประชาชนให้โอกาส ให้เวลามากกว่านี้พรรคภูมิใจไทยจะทำได้ดีกว่านี้
นายอนุทิน กล่าวว่า ตนขอพิสูจน์ว่าพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะตนเดินไปไหนหูได้ยินเสียงประชาชนเสมอ ขอให้เลือกพรรคภูมิใจไทยกลับมา ท่านได้ตนเป็นนายกฯ ถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทยกลับมา ตนจะให้นายสีหศักดิ์ เป็นรองนายกฯ และรมว.กต. เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของประเทศ นางศุภจี จะไม่เพียงเป็นรมว.พาณิชย์ แต่จะเป็นรองนายกฯกำกับการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการค้า นายเอกนิติ จะยังเป็นรองนายกฯ และรมว.คลัง คุมการคลังของแผ่นดิน ดูวินัยการเงินการคลัง ดูค่าเงินบาท นโยบายทางเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้พรรคภูมิใจไทยไม่เคยมีมาก่อน แต่วันนี้มีแล้วจะทำงานครอบคลุม ถ้าทำไม่ได้พรรคภูมิใจไทยไม่พูด เมื่อก่อนมีข้อจำกัดแต่วันนี้ไม่มีข้อจำกัดแล้ว นอกเหนือจาก 3 คนที่กล่าวมา ยังมีคนที่มีความรู้ความสามารถที่ตนเชิญเข้ามา แม้จะมาจากส่วนอื่นในรัฐบาลที่แล้ว แต่วันนี้ตนไปขอให้มาร่วมงานกับภูมิใจไทย เพื่อประเทศไทย
“ท่านไม่ต้องห่วง 3 ท่านนั้นมาแน่ แม้ว่าเดี๋ยวคนจะบอกว่า เขาไม่เป็นแคนดิเดตนายกฯหรือ แต่ไม่สำคัญเพราะผมเป็นนายกฯ แต่ผมอาจจะเผื่อเหลือเผื่อขาดให้ท่านบ้าง เราไปบังคับจิตใจคนไม่ได้ พวกเราในห้องนี้เป็นนักการเมือง คุ้นชินกับการรับแรงปะทะ รับฟังเสียงตำหนิของคนที่เราไม่รู้จัก แต่ 3 ท่านนี้อาจยังไม่ชิน แต่เดี๋ยวก็ชิน แต่เที่ยวนี้ขอให้ท่านได้ทำสิ่งที่ท่านสบายใจ จะได้กลั่นผลงานที่ประชาชนประทับใจให้ประเทศของเรา ไม่มีความกังวล ไม่มีเอ๊ะ ไม่มีเฮ้ย มีแต่คำว่าสู้
เมื่อเขาได้สั่งสมประสบการณ์ทางการเมืองสักระยะ โดยอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่ แล้ววันนั้นเขาจะเป็นส่วนหนึ่งจของเรา วันนี้มองเขาเป็นคนนอกไม่ได้แล้ว เขาอาจไม่ชินระบบแต่การทำงานเขาคือคนใน เป็นเพื่อนร่วมงานของเรา และผมให้คำยืนยันว่าเราทำได้ดีกว่ายิ่งใหญ่กว่า สำเร็จกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา” นายอนุทิน กล่าว








