วันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้วและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย , นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรค , นายจักรพงษ์ แสงมณี รองหัวหน้าพรรค , นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อและกรรมการบริหารพรรค, นางสาวขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการพรรค , นายสุรเกียรติ เทียนทอง สส.บัญชีรายชื่อ , นางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สส.เชียงราย , นายสุรชาติ เทียนทอง อดีต สส.กทม. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี (แพทองธาร ชินวัตร) พร้อมสมาชิกพรรคเพื่อไทย ร่วมเปิดตัว นายภูมิพัฒน์ โหสกุล ผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตดอนเมือง โดยมีพี่น้องประชาชนเขตดอนเมืองประมาณ 500 คนเข้าฟังร่วมแสดงความยินดีและรับฟังการปราศรัยของแกนนำพรรคคับคั่ง
โดยนายภูมิพัฒน์ กล่าวว่า เกิดและเติบโตมาในพื้นที่ดอนเมือง 26 ปี พร้อมการได้เห็นนายการุณ โหสกุล อดีต สส. กทม. เขตดอนเมือง ซึ่งเป็นบิดา ทำงานเพื่อคนดอนเมืองมาตลอด วันนี้จึงขอขอบคุณทุกท่านที่ให้โอกาสตนได้เสนอตัวมารับใช้คนดอนเมือง และขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่มีนโยบายดีๆ ที่พี่น้องประชาชนจับต้องได้และเป็นประโยชน์กับพี่น้องทุกคน ซึ่งตรงกับแนวทางการทำงานของตน
“ขอให้พี่น้องเชื่อมั่นว่ทุกปัญหาของคนดอนเมืองไม่ว่าอยู่ตรงไหน ผมจะอยู่ตรงนั้นเพื่อปัญหาให้ลุล่วง คุณพ่อดูแลพี่น้องชาวดอนเมืองมา 27 ปี ผมเกิดเติบโตมากับคนดอนเมืองมา 26 ปี และเห็นการทำงานเพื่อพี่น้องมาตลอด ผมจึงมั่นใจว่าผมจะสามารถดูแลพี่น้องชาวดอนเมืองได้ดีกว่าที่พ่อทำมาอย่างแน่นอน” นายภูมิพัฒน์ กล่าว
นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้วและรองหัวหน้าพรรค กล่าวว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมในการเลือกตั้ง สส.ที่จะมาถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน กทม. โดยนายภูมิพัฒน์ เป็นทายาทสายเลือดอดีต สส.กทม. คือนายการุณ โหสกุล ที่เคยทำงานรับใช้พี่น้องมาก่อน และวันนี้บุตรชายนายการุณ มีอุดมการณ์แนวทางการทำงานตรงกับพรรคเพื่อไทย ก็มาขออาสาทำงานรับใช้พี่น้องอย่างใกล้ชิด
นายสรวงศ์ กล่าวว่า แม้การเลือกตั้ง สส.ในครั้งที่แล้ว พรรคเพื่อไทยจะได้ สส. ใน กทม. มาเพียง 1 คน แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่เคยหายไปไหน บุคลากรของพรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นทำงานรับใช้พี่น้องอย่างเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมาพี่น้องก็ทราบดีว่า ทั้งอดีตผู้สมัคร สส.หรือผู้ที่จะอาสาตัวลงสมัครในการเลือกตั้งต่างไม่เคยทิ้งพื้นที่ ดูแลพี่น้องใกล้ชิด จึงขอฝากนายมิพัฒน์ โหสกุล ไว้ให้พี่น้องได้พิจารณาและสนับสนุนเพื่อให้ได้เข้าไปเป็น สส. สานต่องานดูแลพี่น้องประชาชคนดอนเมืองต่อไป
นายดนุพร ปุณณกันต์ สส. กทม.และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลายคนกังวลใจว่าผู้เสนอตัวลงสมัคร สส.อยู่พรรคหนึ่ง แต่คุณพ่อของผู้เสนอตัวอยู่อีกพรรคหนึ่งจะมีปัญหาหรือไม่ ต้องขอเรียนว่า การที่พ่อและลูกจะอยู่กันคนละพรรคนั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะสิ่งที่จะตอบคำถามนี้ได้คือการทำงานและอุดมการณ์ทางการเมือง เพราะเมื่อผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง มีอุดมการณ์และแนวทางตรงกับพรรคเพื่อไทย ที่มุ่งมั่นดูแลชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องให้ดีขึ้น และสร้างประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนจริงๆ ก็สามารถเป็นผู้เสนอตัวลงสมัครับเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยได้
“นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ผู้เสนอตัวลงสมัคร สส. ได้แนะนำไปก็ตรงใจพี่น้องประชาชน ก็ยิ่งเป็นการยืนยันว่าผู้เสนอตัวคือ นายภูมิพัฒน์ โหสกุล มีแนวคิด แนวนโยบาย การทำงานตรงกับพรรคเพื่อไทย จึงเป็นความลงตัวที่เราจะช่วยกันสนับสนุนให้นายภูมิพัฒน์ ได้มีโอกาสรับใช้ประชาชนและผลักดันนโยบายดีๆ ของพรรคเพื่อไทย สานต่อให้ประสบความสำเร็จ ” นายดนุพร กล่าว
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี (แพทองธาร ชินวัตร) กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ที่จะต้องร่วมกันติดสินใจ ก็คือการที่ประเทศมีรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่กำลังดูดนักการเมืองครั้งใหญ่ แล้วดูดทีหนึ่งยกทั้งพรรค ซึ่งเป็นความต้องการดั้งเดิมของพลังฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่ต้องการพรรคการเมืองฝ่ายตนเป็นรัฐบาล เริ่มตั้งแต่กระบวนการล้ม ดร.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทย ที่พี่น้องประชาชนชื่นชมจากการผลักดันนโยบายที่ทำได้จริงจับต้องได้
ณัฐวุฒิ กล่าวว่า เมื่อพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งในปี 2548 เป็นรัฐบาลพรรคเดียว การโค่นล้มรัฐบาล ดร.ทักษิณ จึงเกิดขึ้นตั้งแต่การทำรัฐประหารในปี 2549 ซึ่งสื่อมวลชนรายงานข่าวไว้สมัยนั้นว่าคณะรัฐประหารมีแผนบันได 4 ขั้น และขั้นที่ 4 ก็คือการเปลี่ยนกติกาเอาพรรคตรงข้ามกับไทยรักไทยเป็นรัฐบาล ดังนั้นหลังรัฐประหารจึงมีการร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ขึ้นมา แล้วก็มีการยุบพรรคพลังประชาชน การปลดนายกฯ และดีลกลุ่มเพื่อนเนวิน ไปยกมือสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หลังการเลือกตั้งปี 2554 พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ต่อมาก็เกิดการรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอีก แล้วก็นำมาสู่การแก้กติกาประเทศอีกครั้งจนได้มาเป็นรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มีการเปิดทางให้ สว. เลือกนายกรัฐมนตรี จนได้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกครั้งหนึ่ง แม้การเลือกตั้งปี 2566 ฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะพ่ายแพ้อย่างราบคาบ กระทั่งวันนี้จึงได้เกิดปรากฎการณ์ที่ไม่ปกติในทางการเมือง คือมีรัฐบาลเสียงข้างน้อย มีฝ่ายค้านและมีฝ่ายค้ำ
“มีคำโบราณกล่าวไว้ว่า อย่าฝากปลาย่างไว้กับแมว แต่บางพรรคฝากประเทศไว้กับหนู กระบวนการที่กำลังดำเนินอยู่นี้กำลังจะนำไปสู่ปลายทางที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประชาธิปไตย และถ้าหลังการเลือกตั้งหากกลุ่มสีน้ำเงินได้เป็นรัฐบาล ก็จะเหมือนกับสถานการณ์ที่เราเคยต่อสู้กันมาเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว คือ ฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ผิด แต่อีกฝ่ายทำอะไรก็ไม่ผิด เราจึงต้องมากำหนดความคิดกันให้ดี รวมพลังกันอีกครั้ง เลือกพรรคการเมืองที่อยู่เคียงข้างกับประชาชนจริงๆ มีผลงานชัดเจน ไม่อย่างนั้นเราอาจได้รัฐบาล ที่มี สว. อยู่ในมือ และมีองค์กรอิสระเป็นคนกันเอง จึงขอให้พี่น้องทุกคนร่วมจับมือกับพรรคเพื่อไทย กลับมาสู่สนามต่อสู้ทางการเมืองครั้งสำคัญในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า สนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเต็มที่ เพราะมีสิทธิตามกฎหมายในการใช้กลไกสภาตรวจสอบรัฐบาล อีกทั้งความเสียหายที่เกิดจากรัฐบาลไม่มีเวลาที่มาจะรอได้ นายกรัฐมนตรีคนนี้ไปพูดว่าคนไทยรุกล้ำดินแดนกัมพูชา เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว หากพรรคประชาชนไม่เห็นว่าเรื่องนี้ได้สร้างความเสียหายต่อประเทศ ก็มีสิทธิที่จะยกมือสนับสนุนให้ นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปได้
จากนั้น ในช่วงบ่าย คณะพรรคเพื่อไทย จะมีการเปิดตัว นายสายันต์ จันทร์เหมือนเผือก ผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 9 เขตบางเขน (ยกเว้นแขวงท่าแร้ง) เขตจตุจักร(เฉพาะแขวงจันทรเกษมและเสนานิคม) เขตหลักสี่ (เฉพาะแขวงตลาดบางเขน) ที่อาคารสุบรรณฮอลล์ แขวงสีกัน เขตดอนเมืองด้วยเช่นกัน







