วันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า สำหรับเศรษฐกิจปี 2569 ยังประเมินได้ยาก เพราะเป็นรอยต่อจากการยุบสภา สุญญากาศช่วงการเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ คาดใช้เวลา 60 วัน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟสต่อไปก่อนยุบสภา ประกอบกับความกังวลต่อปัจจัยเดิมๆ ทั้งความกังวลสงครามการค้าสหรัฐกับจีน ผลการเจรจาภาษีทรัมป์ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนอยู่ในขั้นตอนใดและมีกระทบแค่ไหน ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา และน้ำท่วมที่คาดกว่ากระทบจีดีพี 0.2% ต่อไตรมาส และมาตรการคนละครึ่งพลัส เฟส2 จะเป็นรูปแบบใด ซึ่งขึ้นกับงบประมาณของรัฐด้วยว่าเฟส2จะได้ 4,000 บาทครบทุกคน หรือให้เฉพาะกลุ่มตกหล่น และเพิ่มอีกจำนวนให้กับกลุ่มเฟสแรก ต้องดูสูตรเฟส2ว่าเป็นอย่างไร แต่เพื่อส่งไม้ต่อให้เศรษฐกิจไตรมาสแรกปีหน้า 2569 ขยายตัวต่อจากไตรมาส 4 ปีนี้ ควรคงจำนวนเงินไม่ต่ำกว่าเฟสแรก พร้อมกับเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ จ้างงานตามสัญญา
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (CCI) อยู่ที่ระดับ 51.9 ปรับตัวดีขึ้นในรอบ 9 เดือน และดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากผู้บริโภคคาดหวังว่าเศรษฐกิจ จะฟื้นตัวได้จากนโยบายคนละครึ่งพลัส รวมกับนโยบายอื่น แต่ค่าดัชนียังต่ำกว่า 100 แสดงว่า ผู้บริโภค ยังกังวล ต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมที่ยังฟื้นตัวช้า และค่าครองชีพที่สูงขึ้น
“ที่น่าจับตาคือเงินหาเสียงเลือกตั้งจะเปลี่ยนโครงการพรรคจัดตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศต่างจากเดิม คาดว่าเงินหาเสียงจะสูงมากแตะ 4-5 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปกติใช้จ่าย 3-4 หมื่นล้านบาท และแรงตุนจากมาตรการกระตุ้นปีใหม่ รวมถึงหลังตั้งรัฐบาลใหม่เชื่อว่าจะเร่งเติมเงินกระตุ้นจีดีพี ทางศูนย์พยากรณ์ฯจึงประเมินเศรษฐกิจปี 2569 ขยายตัวเกิน 2% ขณะที่หลายหน่วยงานมองว่าเศรษฐกิจปีหน้าขยายตัวย่อกว่าปีนี้ แต่แย่สุดก็ขยายตัว 1.6%” นายธนวรรธน์ กล่าว
นายธนวรรธน์ กล่าวกรณีการปลดล็อกคำสั่งคณะปฏิวัติห้ามขายแอลกอฮอล์ 14.00-17.00 น. ของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ว่า เป็นการส่งเสริมภาคท่องเที่ยวและสถานบันเทิง รวมถึงธุรกิจภาคกลางคืน โดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ 1,000-3,000 ล้านบาทในช่วง 2 เดือนสุดท้ายปี 2568 และสะพัดกว่า 10,000-20,000 ล้านบาทต่อปีม.








