Kintone แพลตฟอร์มดิจิทัลเวิร์กเพลสที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากองค์กรกว่า 40,000 แห่งทั่วโลก พร้อมเสริมศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมอาหารชั้นนำของไทย อาทิ บริษัท เอราวัณฟูด จำกัด (มหาชน) ฟู้ดอินโนโพลิส และบริษัท เจดีฟู้ด จำกัด (มหาชน) ในการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานและขับเคลื่อนนวัตกรรม
Kintone ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการทำงานดิจิทัลบนคลาวด์ เดินหน้าสานต่อพันธกิจในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของประเทศไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารที่มีมูลค่ากว่า 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากช่วงเวลาที่บริษัทมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยฐานลูกค้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้นกว่า 300% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 Kintone ยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จ ด้วยการเปิดตัวโซลูชันใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถลดความซับซ้อนของกระบวนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และส่งเสริมนวัตกรรม
ในการประชุม Kintone Days Global 2025: AI NEXTREAM ที่จัดขึ้น ณ กรุงเทพมหานครเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีผู้บริหารธุรกิจกว่า 300 รายเข้าร่วมงาน เพื่อร่วมชมโซลูชันแบบไม่ต้องเขียนโค้ดที่สามารถใช้งานได้จริง ซึ่งผสานเทคโนโลยี Generative AI อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานคือการเปิดตัว Kintone AI Lab บริการใหม่ช่วยให้พนักงานซึ่งไม่มีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรม สร้างแอปพลิเคชันด้วย AI ที่ปรับแต่งได้ด้วยคำสั่งข้อความง่าย ๆ โดยตรง ความริเริ่มนี้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนองค์กรชั้นนำในอุตสาหกรรมอาหารของไทย เช่น บริษัท เอราวัณฟูด จำกัด (มหาชน) บริษัท เจดีฟู้ด จำกัด (มหาชน) และฟู้ดอินโนโพลิส ในการเปลี่ยนผ่านจากระบบดั้งเดิมสู่ระบบดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่าฃ
นายน้ำยา วายุภาพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Kintone (Thailand) จำกัด กล่าวว่า อุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่อันดับที่ 12 ของโลก และอุตสาหกรรมอาหารยังคงมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมนี้ยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกมาก ผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน การจัดการข้อมูลอย่างแม่นยำ และการลดความซับซ้อนของกระบวนการต่าง ๆ
“นี่คือจุดที่เทคโนโลยีแบบไม่ต้องเขียนโค้ดเข้ามามีบทบาทสำคัญ เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมงานกับผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารหลายราย เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านจากระบบที่ต้องใช้กระดาษแบบดั้งเดิมสู่ระบบดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรด้านไอทีหรือความเชี่ยวชาญด้านการเขียนโปรแกรม ความสำเร็จที่เราได้รับในประเทศไทยเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าโซลูชันของเราสามารถยกระดับประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการดำเนินงานได้อย่างแท้จริงเราไม่เพียงแค่ปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พันธมิตรทางธุรกิจสามารถสร้างแอปพลิเคชันที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการ พร้อมทั้งปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรมตั้งแต่ระดับพื้นฐานขององค์กร”
นายชัยยะนันต์ ตั้งสัมพันธ์ ผู้จัดการสายการผลิต บริษัท เอราวัณฟูด จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะหนึ่งในผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารชั้นนำของประเทศไทย เอราวัณฟูดมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการดำเนินงาน ระบบการทำงานแบบใช้เอกสารและการพึ่งพาโปรแกรม Excel กลายเป็นอุปสรรค โดยเฉพาะในเรื่องการติดตามสถานะงานและการจัดการข้อมูลของแต่ละแผนกที่กระจัดกระจาย เราจึงเลือกใช้ Kintone เป็นแพลตฟอร์มหลักในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้คือการเปิดโอกาสให้พนักงานทุกแผนกสามารถสร้างแอปพลิเคชันที่ปรับแต่งได้เอง เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แนวทางการพัฒนาจากระดับปฏิบัติงานสู่ระดับองค์กรนี้ช่วยให้เรายกระดับประสิทธิภาพ เพิ่มความโปร่งใส และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่คล่องตัวมากยิ่งขึ้น
นางสาวสุธีรา อาจเจริญ ที่ปรึกษาอาวุโสและผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ฟู้ดอินโนโพลิส กล่าวว่า ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มุ่งมั่นในการสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร เราต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่องในการบริหารจัดการฐานข้อมูลลูกค้า และการดูแลโครงการที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด เราจึงเลือกใช้ Kintone ในการรวมศูนย์การจัดการฐานข้อมูล การประสานงานโครงการ การติดตามกิจกรรม และการจัดทำรายงาน โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบไอทีแบบเดิมที่ซับซ้อน Kintone ช่วยให้เราปรับปรุงกระบวนการภายในให้เรียบง่ายขึ้น เพิ่มการเข้าถึงข้อมูล และสามารถให้บริการแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบนิเวศอุตสาหกรรมอาหารได้ดียิ่งขึ้น
นาวสาวธีรดา หอสัจจกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจดีฟู้ด จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เจดีฟู้ด ในฐานะหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านนวัตกรรมอาหารและเครื่องปรุงรสของประเทศไทย ต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการเอกสารในกระบวนการขาย จัดซื้อ และจัดส่ง ซึ่งส่งผลให้เกิดความล่าช้าและข้อผิดพลาดเป็นครั้งคราว เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เราได้นำ Kintone มาใช้ในการเปลี่ยนระบบการจัดการเอกสารและเวิร์กโฟลว์สู่ระบบดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ช่วยให้การดำเนินงานของเรามีความคล่องตัวมากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมได้อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ประเทศไทยกำลังเร่งเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 Kintone ยังคงมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจในทุกระดับ ด้วยเป้าหมายในการให้บริการแก่องค์กรไทยไม่น้อยกว่า 500 แห่งภายในปี 2569 Kintone กำลังมีบทบาทสำคัญในการสร้างภูมิทัศน์ธุรกิจที่มีความยืดหยุ่น คล่องตัว และพร้อมรับมือกับอนาคต โดยเปิดโอกาสให้ทีมงานสามารถแก้ไขปัญหาด้วยตนเองผ่านเครื่องมือแบบไม่ต้องเขียนโค้ดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งใช้งานได้อย่างง่ายดาย








