"แร่หายาก" (Rare Earth) กำลังกลายเป็นสมรภูมิเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศครั้งใหม่ที่น่าจับตาที่สุด! ภายหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านแร่สำคัญระหว่าง สหรัฐอเมริกา กับ ไทย และ มาเลเซีย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้กลายเป็นจุดสนใจใหญ่ที่สะท้อนถึงความพยายามครั้งสำคัญของสหรัฐฯ ในการท้าทายอำนาจของ จีน ซึ่งผูกขาดและควบคุมตลาดแร่หายากโลกมายาวนาน
ข้อตกลงครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น หมากสำคัญในเกมยุทธศาสตร์โลก เมื่อสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จับมือกับสองชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อสร้างเส้นทางการจัดหาแร่หายากที่ มั่นคงและยั่งยืน หลังจากที่จีนเริ่มใช้ทรัพยากรเหล่านี้เป็น เครื่องมือทางการค้า และจำกัดการส่งออกอย่างเข้มงวดในช่วงปีที่ผ่านมา
"แร่หายาก" เป็นกลุ่มแร่โลหะที่มีบทบาท ขาดไม่ได้ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง นับตั้งแต่การผลิตแม่เหล็กถาวรประสิทธิภาพสูงในมอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้า กังหันลม ไปจนถึงชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์และระบบอาวุธนำวิถี โดยเฉพาะธาตุหลักอย่าง นีโอดิเมียม (Neodymium), ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และ เทอร์เบียม (Terbium) คือวัตถุดิบสำคัญที่ขับเคลื่อนเทคโนโลยีสมัยใหม่เหล่านี้ และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม "แร่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์" ของโลก
ปัญหาใหญ่คือ จีนควบคุมกระบวนการผลิตและแปรรูปแร่เหล่านี้ มากกว่า 80% ของโลก การที่ปักกิ่งลดการส่งออกอย่างต่อเนื่องในปี 2568 ได้กระตุ้นให้หลายประเทศตระหนักถึงความเสี่ยงจากการพึ่งพาแหล่งอุปทานเพียงแหล่งเดียว และเร่งหาทางเลือกใหม่เพื่อรักษาเสถียรภาพในห่วงโซ่อุปทาน
การลงนาม MOU กับมาเลเซียและไทยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 ตุลาคม) ตอกย้ำถึงความพยายามที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ ในการรับมือกับการควบคุมการส่งออกแร่สำคัญและแร่หายากของจีน โดยเกิดขึ้นไม่นานหลังจากการทำข้อตกลงกรอบความร่วมมือแร่ธาตุสำคัญมูลค่า $8.5 พันล้าน กับ ออสเตรเลีย เมื่อต้นเดือน การจับมือกับสองชาติอาเซียนและออสเตรเลียนี้จะช่วย เปิดทางให้มีการส่งออกแร่ธาตุสำคัญมากขึ้น เพื่อป้อนให้กับผู้ผลิตยานยนต์, อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ, และอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูงในสหรัฐฯ
สำหรับ ความร่วมมือกับไทย นั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย ได้ร่วมกันลงนามใน MOU ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการ กระจายห่วงโซ่อุปทาน และส่งเสริมการลงทุนในการสำรวจ, การสกัด, การแปรรูป, และการรีไซเคิลแร่ธาตุสำคัญ ที่สำคัญ ข้อตกลงนี้ยังมุ่งเน้นการสนับสนุนการลงทุนเพื่อ เพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมแปรรูปภายในประเทศ แทนที่จะเน้นการส่งออกวัตถุดิบเท่านั้น
ในส่วนของ ข้อตกลงกับมาเลเซีย จะเน้นการส่งเสริมการค้าและการลงทุนในการสำรวจ, การสกัด, การแปรรูป, และการกลั่น เพื่อสร้าง "ตลาดแร่ธาตุสำคัญและแร่หายากที่มีประสิทธิภาพและมั่นคง" โดยมาเลเซียมีศักยภาพด้านการแปรรูปอยู่แล้ว และยังให้คำมั่นว่าจะงดเว้นการใช้มาตรการห้ามส่งออกหรือจำกัดโควตา แร่ธาตุสำคัญและแร่หายากที่ส่งไปยังสหรัฐฯ แม้ว่ารัฐบาลมาเลเซียจะยังคงห้ามการส่งออกแร่หายากดิบเพื่อมุ่งพัฒนาการแปรรูปปลายน้ำ (downstream processing) ในประเทศเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มก็ตาม
นักวิเคราะห์ต่างประเทศ มองว่า การเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ที่เข้าหาพันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งไทยและมาเลเซีย ถือเป็นการ ท้าทายอำนาจทางเศรษฐกิจของปักกิ่งโดยตรง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การ "ลดการพึ่งพา" (De-risking) ที่สหรัฐฯ ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
นี่คือการยกระดับของสงครามการค้าไปสู่ "สงครามเย็นด้านเทคโนโลยี" ที่ใช้แร่หายากเป็นอาวุธสำคัญ จีนจะต้องปรับกลยุทธ์การส่งออกของตน เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการเป็นผู้ผูกขาดอำนาจและการรักษาตลาดการค้าโลกไว้
ดีลแร่หายากนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ แต่เป็น การปรับโครงสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจโลก ที่มีผลกระทบเชิงลึกต่อไทยและมาเลเซีย และจะกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้จากจีนอย่างแน่นอน
#แร่หายาก #RareEarth #ข้อตกลงสหรัฐไทยมาเลเซีย #ข่าวต่างประเทศ #จีน #สงครามเย็นด้านเทคโนโลยี #เศรษฐกิจโลก #ทรัมป์ #ไทย #มาเลเซีย #สงครามเทคโนโลยี #ห่วงโซ่อุปทาน #สหรัฐ








