ในทุกปีที่วาระ 6 ตุลาคมเวียนมา ผู้เฝ้าติดตามการเมืองไทยมักจะถอดบทเรียนกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากแต่ดูเหมือนว่า นับจาก 6 ตุลา 2519 ถึง 6 ตุลา 2568 — กว่า 49 ปี ผ่านไป — วิวัฒนาการการเมืองไทยยังคงวนลูป หรือติดอยู่ในสถานการณ์เดิมๆ
แม้ในสถานการณ์ปัจจุบัน บริบทจะเปลี่ยนไป แต่อาจมีชนวนวิกฤติซ้ำรอย และปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองที่มีมาแต่อดีตยังคงดำรงอยู่ บางส่วนกลับยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง หรือปัญหาเชิงโครงสร้างของเกษตรกร รวมถึงภาระภาษีที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความไม่พอใจทางเศรษฐกิจ ที่เปรียบเสมือน “ระเบิดเวลา” ที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ
อีกทั้งยังมีปัญหาความชอบธรรมของผู้มีอำนาจทางการเมือง ที่ต้องเผชิญกับวิกฤติการตรวจสอบจากองค์กรอิสระ ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของกลุ่มการเมือง นำไปสู่ความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่เกิดจากกลไกของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
แม้รัฐบาลจะมาจากการเลือกตั้ง แต่กลไกอำนาจของกองทัพก็ยังคงมีอิทธิพลต่อการเมืองไทย แม้ปัจจุบันจะเชื่อกันว่า “จะไม่เกิดรัฐประหารอีก” แต่การแทรกแซงผ่านกลไกต่างๆ ที่ฝังอยู่ในรัฐธรรมนูญ ยังคงเป็นความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่วิกฤติการเมืองรูปแบบใหม่ — ที่แม้ไม่เหมือนเดิม แต่กลับซับซ้อนและรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ คือปัญหาจริยธรรมของนักการเมือง ซึ่งเป็นรากฐานของความศรัทธาในระบบประชาธิปไตยไทย
การขาดมาตรการควบคุมจริยธรรมที่เข้มแข็ง และการไม่ยึดมั่นในคุณธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทำให้เกิดภาวะ “ความเสื่อมทางศีลธรรมในอำนาจ”
หลายกรณีที่นักการเมืองถูกวิจารณ์ถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสม หรือใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ยิ่งทำให้ประชาชนขาดศรัทธาในระบบการเมือง และเป็นตัวเร่งให้เกิดความแตกแยกในสังคมมากขึ้น
เมื่อขาดทั้งความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ และความชอบธรรมทางจริยธรรม
ระบบการเมืองไทยจึงต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสองด้าน — ทั้งจากประชาชนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง และจากโครงสร้างอำนาจที่ไม่ยอมปรับตัว
ดังนั้น หากประเทศไทยยังไม่สามารถสร้างระบบการเมืองที่โปร่งใส มีจริยธรรม และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
ความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติรอบใหม่ก็ยังคงอยู่ แม้อาจไม่มาในรูปแบบของการรัฐประหารเหมือนในอดีต แต่อาจมาในรูปแบบของ “วิกฤติศรัทธา” ที่ค่อยๆ สั่นคลอนประชาธิปไตยจากภายใน
หรือในทางตรงกันข้าม เมื่อผู้คนจำนวนมากเริ่มอ่อนล้า โรยแรง และจำนนต่อวงจรเดิม พวกเขาอาจยอมรับชะตากรรม ปล่อยให้การเมืองไทยเดินไปตาม “ยถากรรม” — ราวกับว่านี่คือเส้นทางที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป
#ตุลา68 #การเมืองไทย #วิกฤติศรัทธา #6ตุลา2519 #ประชาธิปไตยไทย #ข่าวการเมือง #Siamrath #วิเคราะห์การเมือง #ระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจ #จริยธรรมนักการเมือง