ธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานข้อมูลเศรษฐกิจการเงินประจำเดือนสิงหาคม 2568 ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่ชัดเจน โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ที่มีสาเหตุหลักจากปัญหาเชิงโครงสร้างและปัจจัยเฉพาะกิจในภาคอุปทาน การหดตัวของภาคเกษตรและการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ สะท้อนถึงการขาดแรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องในภาคการผลิตหลักของประเทศ แม้ว่าอุปสงค์โดยรวมจะยังทรงตัว และภาคท่องเที่ยวจะปรับดีขึ้น แต่การเติบโตที่พึ่งพาการบริโภคและการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวขาดความยั่งยืน
ประเด็นที่น่ากังวลคือ การส่งออกที่เริ่มเห็นผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และการลดลงของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าแรงส่งจากภายนอกอาจเริ่มแผ่วลง การจ้างงานในภาคก่อสร้างที่ลดลงต่อเนื่องยังเป็นตัวชี้วัดความอ่อนแอของการลงทุนในประเทศ และความเสี่ยงต่อคุณภาพแรงงานในระยะยาว
ดังนั้น จำเป็นต้องดำเนินนโยบายที่เน้นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน รัฐบาลไม่ควรพึ่งพาเพียงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แต่ควรใช้โอกาสนี้ในการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมในระยะยาว โดยเน้นการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมมูลค่าสูง และการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการเร่งเจรจาทางการค้าเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า การสนับสนุนการจ้างงานในสาขาที่มีทักษะสูง และการยกระดับทักษะแรงงาน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถทนทานต่อแรงกดดันภายนอกและกลับมาเติบโตได้อย่างมีคุณภาพต่อไป
#เศรษฐกิจไทย #นโยบายเศรษฐกิจ #การพัฒนาเศรษฐกิจ #ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ #การลงทุน #เศรษฐกิจยั่งยืน