สถาพร ศรีสัจจัง
คำ “โจรห้าร้อย” ถือเป็นสำนวนเก่าสำนวนหนึ่งของสังคมไทย มีผู้อรรถาธิบายเกี่ยวกับความหมายและที่มาที่ไปของสำนวนนี้ไว้ไม่น้อย ทั้งที่มีหลัก มีเกณฑ์ ทั้งที่อาจคิดตีขลุมตีความเอาเอง แต่ก็พอจะประมวลสรุปมาบอกมาเล่าต่อให้ฟังกันได้ประมาณว่า…
สำนวน “โจรห้าร้อย” นั้น ผู้รู้หลายคนจาระไนไว้ว่า คำ “ห้าร้อย” ต้องเขียนเป็นตัวอักษรไม่ใช่ตัวเลข ที่ต้องเป็นเช่นนั้นก็เพราะคำ “ห้าร้อย” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง “จำนวนนับ” แต่หมายเอา “ความหมาย” เป็นสำคัญ
นั่นคือความหมายที่ว่า “มีเป็นจำนวนมาก”
เพื่อให้สมสมัย จึงลองเปิดเข้าไปดูใน “กูเกิ้ล” ก็ได้รับการประมวลความหมายไว้มากมาย แต่สรุปความจาก AI ได้ประมาณเดียวกับที่ได้กล่าวมา จะลองยกมาให้ดูบ้างก็ได้ เช่น
“…ความหมายของคำว่าห้าร้อยนอกจากจะหมายถึงจำนวนครึ่งหนึ่งของทั้งหมดแล้ว(เพราะหน่วยนับของอินเดียโบราณสูงสุดอยู่แค่‘พัน’) ยังหมายความว่าไม่เต็ม คือไม่เต็มพัน หรือไม่เต็มที่นั่นเอง ดังนั้น ในสมัยโบราณจึงเรียกคนสติไม่สมประกอบว่า “คนบ้าห้าร้อย”…หนักๆเข้าก็กลายเป็นคำด่า เช่น “ไอ้โจรห้าร้อย” เป็นต้น”
คำ “โจรห้าร้อย” นี้ พจนานุกรมไทยฉบับ‘มติชน’ พูดถึงสำนวนนี้ไว้ว่า …“โจรห้าร้อย ถือเป็นคำนามที่เป็นภาษาปาก หมายถึง ผู้ร้าย นักปล้น โดยมักใช้ในเชิงเน้นว่าเป็นผู้ชั่วร้าย”
ในบรรยากาศของโต้ะน้ำชายามเช้าที่เมืองตรังครั้งที่มีการอภิปรายกันถึงคลิป “สส.ห้าร้อยจำพวก” นั้น บังเอิญมีบางใครโยง 2-3 คำนี้เข้าด้วยกัน พร้อมกับการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางครื้นเครงตามลักษณะวัฒนธรรมไทย(โดยเฉพาะภาคใต้)ที่เรียกกันว่า “สภากาแฟ”
จะลอบถ่ายทอดเสียงและบรรยากาศการอภิปรายเกี่ยวกับเรื่อง “โจรห้าร้อย” ในสภากาแฟแห่งนั้นให้ฟัง(เพื่อความบันเทิง)ดังนี้
คนแรกกล่าวขึ้นก่อนว่า “ฟังคลิป “ความจริง” ที่ว่าด้วย ‘สส.ห้าร้อยจำพวก’ นี่แล้ว กูว่า น่าจะเติมความให้แจ่มชัดขึ้นหน่อย เพราะคำ “สส.ห้าร้อยจำพวก” ที่คลิปเขาว่ามา น่าจะเกี่ยวข้องกับสำนวนเก่าของไทยที่พูดถึง “โจรห้าร้อย” แน่ๆเลย...”
อีกคนที่ดูท่าจะเป็นมหาบาเรียนเก่ากล่าวเสริมขึ้นเหมือนร้อนวิชาว่า
“คำ “โจรห้าร้อย” นี้มีที่มาจากพระคัมภีร์ธรรมบทของพระพุทธศาสนา ในพระคัมภีร์กล่าวถึงโจร500 คน ร่วมกับพวก “เดียรถีร์” (หมายถึงนักบวชนอกศาสนาพุทธในสมัยพุทธกาล) 500 คน วางแผนสังหารพระมหาโมคคัลลานะ พระเถระอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระโคตมพุทธเจ้า ผู้เป็นเอตทัคคะด้านผู้มีฤทธิ์มาก …ต่อมาเมื่อใช้คำว่า ‘โจรห้าร้อย’ จึงมีความหมายว่าเป็นโจรที่ชั่วมาก เช่น ในวรรณคดีไทยตอนพระจันทโครพ พานางโมราเดินมากลางป่าก็บรรยายว่าไปพบ ‘โจรห้าร้อย’ ผู้หนึ่งระหว่างทาง…”
พอจบอรรถาธิบาย คนหนึ่งในโต๊ะก็ถามขึ้นว่า “แล้วมันเกี่ยวหรือเชื่อมโยงกับคลิป “ความจริง” ที่เรียกท่านบรรดาสมาชิกสภาผู้เแทนราษฎรไทยผู้ทรงเกียรติปัจจุบันว่า “สส.ห้าร้อยจำพวก” ยังไงวะ…”
“อ้าว ก็คำ “สส.” เป็นคำย่อ ที่ราชบัณฑิตยสภาเขากำหนดใช้กับคำ “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” มึงไม่รู้บ้างรึไง แล้วรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเขาก็กำหนดให้มีสส.ทั้งหมดรวม 500 คน มาจาก สส.เขตจากทั่วประเทศ 400 คน อีกร้อยคนมาจากบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมือง ตาม “เปอร์เซ็นต์”คะแนนเสียงที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งใช้สิทธิ์ของเขา ‘เลือกพรรคการเมืองนั้นๆ’ ไง…ไม่น่าเรียนจนจบปริญญาตรีเลยมึง…”
เพื่อนอีกคนในโต้ะอธิบายรายละเอียดให้ฟัง พร้อมคำเหน็บแนมแถมท้าย ที่หลายใครคิดว่าเจ็บแสบพอควร
ก็คำ “โจรห้าร้อย” อะไรนั่น ไม่เห็นเกี่ยวกับ “สส.ห้าร้อยจำพวก” อะไรที่เขาด่านี่หว่า เพื่อนคนเดิมยังไม่หายสงสัยในประเด็นความเชื่อมโยงระหว่าง “คลิป” ชื่อ “ความจริง” ที่เพื่อนในโต้ะเพิ่งเปิดเสียงดังๆให้ฟังกับคำว่า “โจรห้าร้อย” ที่ถูกพูดขึ้นมาตอนหลังนั่น
“เอ้ย…มันปัญญาอ่อน ไม่รู้เรื่องการบ้านการละเมืองละมั้ง…มึงช่วยเปิดคลิปให้มันฟังชัดๆอีกทีซิ…จะได้หูแจ้งตาแจ้งขึ้นบ้าง!”
คนเดิมที่เป็นเจ้าของคำอธิบาย “สส.ห้าร้อยจำพวก” กล่าวขึ้นกับเพื่อนคนที่เป็นผู้นำคลิปชื่อ “ความจริง” ซึ่งมีเนื้อหาด่าสส.ไทยยุคปัจจุบันแบบ “ตีขลุม” ด้วยน้ำเสียงกึ่งรำคาญกึ่งล้อเลียน พร้อมเสียงหัวเราะร่วน
เพื่อนเจ้าของคลิปไม่พูดพล่ามทำเพลง ก้มดูโทรศัพท์นิดหนึ่ง สักครู่ เสียงในคลิปชื่อ “ความจริง” ที่จาระไนถึงความ “ไม่จำเป็น” ต้องมี “สส.” หรือ “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย” ในวันนี้ รวมถึงชี้ให้ถึง “ภาระ” และ “ความสูญเสียเชิงงบประมาณ” ที่มาจากภาษีของประชาชนอย่างละเอียดยิบ ตั้งแต่เรื่องเงินเดือน เงินค่าตอบแทน เบี้ยเลี้ยง เบี้ยแระชุมกรรมาธิการ ค่าเดินทาง ค่าที่พัก จนลามไปถึงเงินเดือนของเจ้าหน้าที่ประจำตัวอีก 2-3 ตำแหน่ง เป็นต้น
พอฟังคลิปจบ คนเดิมที่สั่งให้เพื่อนเปิด ก็จับบ่าคนสงสัยให้หันหน้ามาทางตัวเอง พร้อมกับพูดขึ้นว่า “มึงเห็นหรือยัง ว่าถ้าเอาเงินภาษีที่ต้องเสียไปกับไอ้พวก “โจรห้าร้อย” พวกนั้นอย่างไม่จำเป็น มาสร้างกำแพงป้องกันภัยรุกรานประเทศแทน ไม่ว่าจะด้านเขมร มาเลเซีย หรือพม่า มันจะคุ้มค่าหรือดีกว่ามากกว่ากันแค่ไหน?…”
พอเห็นเพื่อนคนเดิมทำท่าเหมือนจะเริ่มเข้าใจขึ้น แต่ยังมีแววตางงๆอยู่ ก็พูดเสียงเน้นๆต่อ
“เออ เดี๋ยวกูจะพูดให้ฟังชัดๆก็ได้ ว่าชาวบ้านส่วนหนึ่งที่เขาวิจารณ์เรื่องนี้กันมาก มันมีที่มาที่ไปอย่างไร และกูจะชี้ให้เห็นด้วยว่า “สส.ห้าร้อย” พวกนี้ มันเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับคำว่า “โจรห้าร้อย” ที่เป็นสำนวนเก่าของสังคมไทยอย่างที่เขาพูดๆกันแบบไหนด้วย…” เขาทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น ก่อนที่จะหันไปหาเด็กเสิร์ฟซึ่งยืนฟังด้วยความสนใจอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับร้องสั่ง “เซ่หล๊อง” หรือ “ชานมร้อน” อีกแก้ว!!!!
#สถาพรศรีสัจจัง #โจรห้าร้อย #การเมืองไทย #วัฒนธรรมไทย #สำนวนไทย #ภาษากับการเมือง #สภากาแฟ #วิจารณ์การเมือง #มุมคิดสังคมไทย