ดร.วิชัย พยัคฆโส [email protected] โควิด-19 เริ่มจะคลี่คลาย รัฐฐาลผ่อนคลายมาตรการตึงๆออกไปบ้าง ทำให้เศรษฐกิจเริ่มเดินเครื่องได้บ้าง โดยรัฐบาลจะนำเสนอการกู้เงิน 1 ล้านๆให้สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบ โดยมีเป้าหมายเงินกู้ 4 แสนล้านบาท จะนำไปพัฒนาในการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนของประเทศ เศรษฐกิจไทยจากผลกระทบของโควิด -19 อาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยทรุดหนักไปถึง 6-9 เดือน แน่นอนว่าในไตรมาส 2 ปีนี้ จะได้รับผลกระทบต่อการลงทุนการส่งออกและการท่องเที่ยวภายในประเทศ ดังนั้นเงินกู้ 4 แสนล้านบาทจะนำไปเพื่อ 1.การสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เข้มแข็ง เชื่อมโยงกับการตลาดและการท่องเที่ยว 2.การนำระบบดิจิทัลมาช่วยสร้างฐานข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย 3.การทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นไปเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ซึ่งโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชน 400,000 ล้านบาท จะต้องมีแผนและขั้นตอน โดยจะเริ่มจากการนำคนมาฝึกอบรม เพื่อให้คนเหล่านั้นมีรายได้ระหว่างฝึกอบรมและหลังการฝึกอบรมจะมีอาชีพโดยจะสนับสนุนให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและมีตลาดให้ โดยจะขอให้ ปตท. ซึ่งมีปั้มน้ำมันทั่วประเทศมาช่วยสินค้าเกษตร เช่น การให้ผลไม้แทนน้ำดื่ม รวมถึงเกษตรกรอัจฉริยะ หรือ smart farmer เข้ามาช่วยเป็นแกนนำ ขณะเดียวกันจากนโยบายและแนวทางข้างต้น สศช.จะมีโครงการตอบสนองนโยบายดังกล่าว 4 โครงการ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปตามนโยบาย โดยได้กลั่นกรองโครงการของคณะกรรมการการใช้จ่ายเงินกู้ไว้ ดังนี้ 1.โครงการที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรอินทรีย์ 2.โครงการและพัฒนาแหล่งน้ำในชนบท ซึ่งเมื่อมีแหล่งน้ำพอเพียงจะสามารถทำการเพาะปลูกได้ 3.การฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนและพื้นที่ต่างๆ หลังจากโควิด-19 คลี่คลายลงแล้ว 4.โครงการเกี่ยวกับการฝึกและการพัฒนาอาชีพให้กับคนในท้องถิ่น เมื่อย้อนกลับไปดู 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลให้กับท้องถิ่นไปแล้ว 3.6 แสนล้านบาท ให้แก่เกษตรกรและกองทุนหมู่บ้าน เมื่อประเมินผลแล้วยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ซึ่งโครงการใหม่ที่จะฟื้นฟูงบประมาณจะลงไปสู่ชุมชนและชาวบ้านอีก โดยเฉพาะฝ่ายค้านเกรงว่าจะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเช่นเดิมอีก แต่ถึงอย่างไร ความพยายามที่รัฐบาลจะกอบกู้เศรษฐกิจชุมชนให้สามารถพลิกฟื้นได้นั้น เป็นนโยบายและแนวทางที่น่าสนับสนุน เพียงแต่รัฐบาลจะต้องปฏิบัติให้มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน และเกิดผลจริงๆจังๆ คุ้มค่ากับงบประมาณ 4 แสนล้านบาท เชื่อว่าหลังจากนี้ไป รัฐบาลจะเร่งระดมทรัพยากรทั้งหมดไปกู้เศรษฐกิจอย่างจริงจัง เพราะสภาพัฒน์และธนาคารโลกประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะติดลบไม่น้อยกว่า 5.5% ซึ่งต้องใช้เวลาอีกยาวนานกว่าจะฟื้นได้ คงต้องพิจารณาข้อมูลและลงมือปฏิบัติให้ตรงจุด ลบล้างคำสบประมาทของฝ่ายค้านให้ได้