รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์
ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้เปลี่ยนโครงสร้างของระบบอุดมศึกษาทุกระดับ ตั้งแต่การเรียนการสอน การวิจัย การบริหารจัดการ รวมถึงระบบสนับสนุนหลังบ้านของมหาวิทยาลัย ข้อมูลมหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ระบบอัตโนมัติที่ทำงานแทนมนุษย์ได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ และความคาดหวังของสังคมที่มีต่อสถาบันการศึกษา ส่งผลให้การบริหารมหาวิทยาลัยยุคปัญญาประดิษฐ์กลายเป็นข่ายงานที่ซับซ้อนและยากกว่าที่เคย การตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูงจากประสบการณ์หรือความคุ้นเคยเชิงนโยบายไม่ตอบโจทย์จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลเชิงประจักษ์ การวิเคราะห์เชิงระบบ และความเข้าใจเทคโนโลยีที่รอบด้านเพื่อรองรับอนาคตที่คาดการณ์ยาก
ด้วยเหตุนี้ “ที่ปรึกษาอธิการบดี” กลายความจำเป็นมาก ๆ ในบริบทของมหาวิทยาลัยวันนี้และอนาคต ที่ปรึกษาอธิการบดีนอกจากจะต้องทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเชิงเทคนิคแล้ว ยังต้องมีบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ช่วยเชื่อมโยงองค์ความรู้หลากหลายสาขาเข้าด้วยกัน ทำหน้าที่แปลข้อมูลที่กระจัดกระจายให้กลายเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่มีน้ำหนัก และช่วยให้อธิการบดีมองเห็นทั้งโอกาส ความเสี่ยง และแนวโน้มในระยะยาวของสถาบัน การมีที่ปรึกษาอธิการบดีที่เข้าใจทั้งด้านเทคโนโลยี วิชาการ นโยบายสาธารณะ สังคม และจริยธรรม จะช่วยให้การบริหารมหาวิทยาลัยยุค AI ดำเนินไปอย่างมีทิศทาง มีความโปร่งใส และมีความรับผิดชอบต่อสังคม
บทบาทของที่ปรึกษาอธิการบดีต้องครอบคลุมทุกมิติสำคัญของระบบอุดมศึกษา บทบาทแรกคือบทบาทเชิงนโยบาย ซึ่งต้องอาศัยความสามารถในการวิเคราะห์เชิงลึกและการคาดการณ์อนาคต ที่ปรึกษายุค AI ต้องแปลนโยบายจากรัฐให้มหาวิทยาลัยปฏิบัติตาม ต้องทำหน้าที่เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ในการกำหนดทิศทางขององค์กร โดยใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบวิเคราะห์อัจฉริยะ และเทคนิคการมองอนาคตมาประกอบการตัดสินใจ เพื่อให้การวางแผนของมหาวิทยาลัยตอบสนองต่อพลวัตของโลกและความคาดหวังของสังคม นอกจากนี้ยังต้องเป็นผู้เฝ้าระวังด้านจริยธรรมของเทคโนโลยี ตีความความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล และออกแบบกลไกธรรมาภิบาลที่ทำให้การบริหารด้วยเทคโนโลยีมีความโปร่งใสและปลอดภัย
มิติของวิชาการ บทบาทของที่ปรึกษาอธิการบดีเข้มข้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม มหาวิทยาลัยยุค AI นอกเหนือจากการผลิตบัณฑิต ยังต้องเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและแหล่งสร้างองค์ความรู้ ที่ปรึกษาจำเป็นต้องมีความเข้าใจแนวโน้มของการเรียนรู้แบบใหม่ ตั้งแต่การเรียนรู้เฉพาะบุคคล การใช้ AI ประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียน ไปจนถึงการออกแบบหลักสูตรที่เชื่อมโยงกับตลาดแรงงานอนาคต ที่ปรึกษายังเป็นผู้สนับสนุนการสร้างเครือข่ายวิจัยระดับชาติและนานาชาติ เพื่อยกระดับศักยภาพด้านการผลิตผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งเป็นผู้ชี้นำให้การบริการวิชาการตอบโจทย์ความต้องการของสังคม
บทบาทเชิงบริหารก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่สำคัญ เมื่อมหาวิทยาลัยต้องพึ่งพาระบบดิจิทัลและข้อมูลเป็นกลไกการตัดสินใจ ที่ปรึกษาต้องทำหน้าที่สนับสนุนอธิการบดีในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก วางโครงสร้างองค์กรที่เอื้อต่อการทำงานแบบยืดหยุ่น และกำกับให้ระบบบริหารมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้หลักธรรมาภิบาลสมัยใหม่ มหาวิทยาลัยต้องเปลี่ยนจากระบบราชการแบบลำดับชั้น ไปสู่ระบบบริหารแบบ Agile ที่ตอบสนองได้เร็ว และเปิดโอกาสให้หน่วยงานมีอิสระในการคิดริเริ่ม ที่ปรึกษาต้องเป็นผู้ช่วยแปลภาพใหญ่ของมหาวิทยาลัยให้กลายเป็นกระบวนการทำงาน พร้อมสนับสนุนการบริหารทรัพยากรบุคคล เทคโนโลยี และงบประมาณอย่างสมดุลและคุ้มค่า
สำหรับบทบาทที่ทวีความสำคัญมากขึ้นคือ บทบาทเชิงเครือข่ายและสังคม มหาวิทยาลัยยุคปัญญาประดิษฐ์ต้องทำงานร่วมกับภาคีหลากหลาย ทั้งภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม องค์กรระหว่างประเทศ ชุมชนท้องถิ่น และศิษย์เก่า ที่ปรึกษาอธิการบดีทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมโยงความร่วมมือให้เข้ากับยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย โดยคำนึงถึงผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมระยะยาว พร้อมทั้งผลักดันให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านบทบาทด้านการสื่อสาร การเผยแพร่องค์ความรู้ และการเป็นผู้นำประเด็นสาธารณะร่วมสมัย
หากพิจารณาถึงสมรรถนะที่จำเป็นของที่ปรึกษาอธิการบดียุคปัญญาประดิษฐ์ พบว่าบทบาทดังกล่าวต้องการความรู้ ความสามารถ และคุณลักษณะจำนวนมาก ทั้งความรู้ด้านนโยบายระบบอุดมศึกษา เทคโนโลยีดิจิทัล การวิเคราะห์ข้อมูล การประกันคุณภาพ และจริยธรรมข้อมูล ควบคู่กับทักษะเชิงปฏิบัติ เช่น การคิดเชิงระบบ การสื่อสารเชิงกลยุทธ์ การวิเคราะห์เชิงหลักฐาน การจัดการการเปลี่ยนแปลง และการเจรจาต่อรอง ส่วนคุณลักษณะเชิงภาวะผู้นำ เช่น วิสัยทัศน์ ความโปร่งใส ความซื่อตรง ความน่าเชื่อถือ และความสามารถในการสร้างความไว้วางใจ ต่างก็เป็นหัวใจที่ทำให้ที่ปรึกษาสามารถทำหน้าที่เป็น “ผู้นำทางปัญญา” ของมหาวิทยาลัยได้
ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของที่ปรึกษาอธิการบดียุคปัญญาประดิษฐ์อยู่ที่การเข้าใจเทคโนโลยี และการรักษาสมดุลระหว่าง “พลังของข้อมูล” กับ “คุณค่าของมนุษย์” ภายใต้โลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนที่ปรึกษาต้องเป็นผู้ชี้นำสถาบันให้ก้าวไปข้างหน้า พร้อมทำให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันที่ยึดมั่นจริยธรรม เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่เข้าใจมนุษย์ และเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมสู่อนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนครับ








