เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ได้มีครอบครัวหนึ่งพร้อมเพื่อนบ้านในพื้นที่ อ.บ้านกรวด ซึ่งไม่ได้อพยพได้รวมตัวกันจัดหาข้าวเหนียว และซื้อเนื้อหมู มาประกอบอาหารในเมนู ‘ข้าวเหนียวหมูทอด’ เพื่อนำส่งให้ทหารที่ปฎิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตย ตามจุดปฏิบัติการต่างๆ ในบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เฉลี่ย 300-500 ชุดต่อวัน โดยใช้เงินของตัวเอง
นางสาวณัฏฐณิชา ปาสานะตัง อายุ 45 ปี ชาวบ้าน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ บอกว่า หลังจากเริ่มมีหตุการณ์ปะทะกันเกิดขึ้น ในฐานะที่เราอยู่แนวหลังประกอบกับทางครอบครัวพอมีกำลัง จึงได้ร่วมกับเพื่อนบ้านช่วยกันออกเงินและแรงกายใจ จัดซื้อข้าวเหนียวและเนื้อหมู มาประกอบอาหารในเมนูข้าวเหนียวหมูทอด เพื่อนำไปส่งมอบให้กับทหารหาญที่ปฎิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยในบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เนื่องจากทหารคงไม่สะดวกในการประกอบอาหาร ในฐานะแนวหลังสิ่งที่พอจะช่วยเหลือกันได้ก็ต้องช่วยกันไป โดยจะทำเฉลี่ยประมาณ 300-500 ห่อต่อวัน แล้วนำไปส่งมอบให้กับทางที่ว่าการอำเภอบ้านกรวด เพื่อให้ทางอำเภอนำส่งมอบให้กับทางทหารอีกทอดหนึ่ง
นางสาวณัฏฐณิชา บอกต่อว่า ถามว่ากลัวไหมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการปะทะในครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้ง ซึ่งเสียงปืนใหญ่ดังไปไกลหลายสิบกิโลเมตร แต่ที่ไม่ได้อพยพออกไปไหนก็ได้ทำหลุมหลบภัยไว้บริเวณข้างบ้าน หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินก็จะเข้าไปอยู่ในหลุมหลบภัย ซึ่งในช่วงแรกๆก็ตระหนกตกใจอยู่และพากันใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในหลุมหลบภัย
‘ขอฝากเป็นกำลังให้แก่ทหารหาญที่ปฎิบัติหน้าที่แนวหน้า ขอให้สู้เต็มที่เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยจากอริราชศัตรู ไม่ต้องห่วงแนวหลัง เพราะตอนนี้แนวหลังดูแลตัวเองได้ และอยากให้มันจบในรุ่นนี้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลำบากในรุ่นลูกรุ่นหลาน ก็ขอให้เอาให้เต็มที่เอาให้จบไปเลย’
#ภูมิภาค-54








