นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลสำเร็จของการนำคณะผู้ประกอบการไทย 14 บริษัท เข้าร่วมกิจกรรมจับคู่เจรจาการค้าในงาน American Film Market 2025 (AFM) ระหว่างวันที่ 11–16 พฤศจิกายน 2568 ณ นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ว่า ภารกิจในปีนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยบนเวทีโลก โดยคณะผู้ประกอบการไทยสามารถสร้างผลงานโดดเด่นด้วยการเจรจาการค้าได้กว่า 304 นัดหมายภายใน 6 วัน และสร้างมูลค่าทางการค้ารวม 1,031 ล้านบาท นับเป็นผลลัพธ์ที่มีมูลค่าสูงและแสดงถึงศักยภาพของไทยในตลาดซื้อขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ระดับโลกอย่างเด่นชัด งาน AFM ซึ่งมีผู้เข้าร่วมราว 8,500 ราย จาก 80 ประเทศ และมีผู้จัดแสดงผลงานประมาณ 300 ราย จากสหรัฐอเมริกา อิตาลี ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ รวมถึงหน่วยงานส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 30 แห่ง ทำให้ได้รับความสนใจมากขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะการกลับมาจัดงานที่ลอสแอนเจลิสอีกครั้งหลังจากปีที่แล้วสลับไปจัดที่ลาสเวกัส ส่งผลให้ผู้ซื้อรายใหญ่และแพลตฟอร์มสำคัญของโลกเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
อธิบดีสุนันทา กล่าวว่า ความสำเร็จของผู้ประกอบการไทยในปีนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ศักยภาพของคอนเทนต์ไทยกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก ทั้งด้านการขายลิขสิทธิ์ การร่วมผลิต และการบริการถ่ายทำภาพยนตร์” โดยมีดีลสำคัญ อาทิ บริษัท เฮโล โปรดักชั่นส์ จำกัด เจรจากับผู้ซื้อลิขสิทธิ์จากสิงคโปร์ที่สนใจภาพยนตร์เรื่อง Replace Me ซึ่งอยู่ระหว่าง Post-production พร้อมทั้งพบผู้ลงทุนจากสหรัฐอเมริกาที่สนใจร่วมทุนในภาพยนตร์เรื่อง พริก มูลค่า 30 ล้านบาท ขณะที่บริษัท เอ็ม ดิสทริบิวชั่น จำกัด เปิดตลาดใหม่ในรัสเซีย สหรัฐอเมริกา และฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะดีลขายภาพยนตร์เรื่อง หมู่บ้านโคกะโหลก ให้ผู้ซื้อจากฟิลิปปินส์ได้ภายในเวลาเพียง 5 นาที ซึ่งเป็นตัวอย่างของความเชื่อมั่นในคอนเทนต์ไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนบริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับความสนใจสูงทั้งด้านลิขสิทธิ์และงานบริการ VFX โดยมีแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอินเดียสนใจซื้อเรื่อง Home Sweet Home รวมถึงบริษัทจากสหรัฐอเมริกาที่ต้องการใช้บริการ VFX สำหรับภาพยนตร์ทั้งเรื่อง นอกจากนี้ บริษัท เบนีโทน ฟิล์มส์ จำกัด ได้รับการติดต่อจากบริษัทสหรัฐฯ ที่มีแผนเดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์สั้นในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสดีในการต่อยอดธุรกิจบริการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศด้วย
“หนึ่งในจุดเด่นทำให้คอนเทนต์ไทยได้รับความสนใจอย่างมาก คือ ความแข็งแรงของคอนเทนต์ประเภทสยองขวัญและแอคชั่น ซึ่งเป็นแนวที่ไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ทั้งวิธีเล่าเรื่อง บรรยากาศ ผสานวัฒนธรรม ความเชื่อ และเทคนิคการสร้างความตื่นเต้นที่ไม่เหมือนใคร ประกอบกับคุณภาพการผลิตและเทคนิคพิเศษระดับมาตรฐานสากล แต่ยังคงต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ ทำให้ผู้ซื้อจากแพลตฟอร์มระดับโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ แนวโน้มตลาดสตรีมมิ่งทั่วโลกที่กำลังต้องการคอนเทนต์เอเชียที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน และคอนเทนต์ไทยสามารถตอบโจทย์นี้ได้อย่างตรงจุด”
อธิบดีสุนันทา กล่าวว่า DITP จะเดินหน้าสนับสนุนอุตสาหกรรมคอนเทนต์และภาพยนตร์ไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการตลาดระหว่างประเทศ การพาผู้ประกอบการไปเปิดตลาดใหม่ และการผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ให้เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยอาศัยจุดแข็งสำคัญของไทยทั้งด้านคอนเทนต์ที่มีเอกลักษณ์ คุณภาพการผลิตระดับโลก บุคลากรมืออาชีพ และระบบนิเวศน์ในการถ่ายทำภาพยนตร์ที่ครบวงจรและมีต้นทุนที่แข่งขันได้ เพราะการสร้างคอนเทนต์ไม่ใช่เพียงการขายผลงาน แต่คือการผลักดันอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างคุณค่า สร้างรายได้ และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ประเทศไทยในระยะยาว ซึ่งผลสำเร็จในงาน AFM ปีนี้คือหลักฐานสำคัญว่าประเทศไทยพร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางภาพยนตร์เอเชียอย่างแท้จริง








