วันที่ 9 ธ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดสุรินทร์เดือด ตั้งแต่เช้า กัมพูชายิง BM-21 เข้าใส่ทหารไทยที่บริเวณช่องปลดต่าง อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 04.30 นาที จากนั้นทางฝั่งไทยก็ได้ใช้ปืนใหญ่ยิงโต้ตอบกลับไป ก่อนที่แนวรบจะขยายวงกว้างตามแนวมายังพื้นที่บริเวณใกล้ปราสาทตาควาย ,เนิน 350 ,ช่องกร่าง ตำบลบักได และปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ก่อนมีการปะทะกันอย่างหนักของทั้งสองฝ่ายต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้เวลา 12.30 น.การสู้รบก็ยังคงมีการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดและมีการยิงสนับสนุนด้วยอาวุธปืนใหญ่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามหลังมีการแจ้งเตือนจากกองทัพภาคที่ 2 ว่าฝ่ายกัมพูชาได้เคลื่อนอาวุธจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้าประชิดแนวชายแดน และมีแนวโน้มจะยิงตอบโต้เข้ามายังฝั่งไทย ซึ่งล่าสุดเป็นไปตามการคาดการณ์ เมื่อกัมพูชายิง BM-21 เข้าสู่พื้นที่ชายแดนไทยหลายลูก และมีรายงานว่าลูกจรวด BM-21 ตกในสวนยางพาราของชาวบ้านใกล้บ้านไทยสันติสุขและบ้านไทยนิยมพัฒนา ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ หลายจุด ทำให้ประชาชนในพื้นที่หวาดผวา เบื้องต้นยังไม่พบความเสียหายต่อบ้านเรือนหรือผู้เสียชีวิตจากฝ่ายประชาชน
นายประชิต มุตุมาจันทร์ อดีตผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 04.45 น. ได้ยินเสียงปืนจากฝั่งกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน บริเวณปราสาทตาควาย ก่อนขยายการปะทะตามแนวชายแดนมาถึงปราสาทตาเมือนธม ฝ่ายทหารไทยยิงตอบโต้กลับอย่างต่อเนื่อง และจนถึงช่วงเช้าก็ยังคงได้ยินเสียงปะทะดังเป็นระยะ ส่วนความเสียหายในพื้นที่ยังไม่สามารถเข้าไปสำรวจได้เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ปลอดภัย
ขณะเดียวกัน มีรายงานทหารไทยบาดเจ็บ 3 นาย บริเวณช่องปลดต่าง อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อมูลชื่อ–สังกัดเพิ่มเติม ส่วนในพื้นที่ปราสาทตาควาย ช่องกร่าง และปราสาทตาเมือนธม การสู้รบยังดำเนินไปอย่างดุเดือด
นอกจากนี้ยังมีรายงานเศร้าจากแนวหน้า เมื่อทหารไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 นาย คือ พลทหารวายุ ขวัญเสือ อายุ 21 ปี สังกัด พัน.ร.27/ร.31 พัน.3 จากการถูกสะเก็ดระเบิดอาวุธวิถีโค้งของฝ่ายกัมพูชา ขณะรักษาตัวในโรงพยาบาล และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 โดยยังไม่มีข้อมูลภูมิลำเนาของผู้เสียชีวิ
#ภูมิภาค-63