ความเชื่อ พระเครื่อง

พระกรุวัดชนะสงคราม: แค่ชื่อก็เป็นมงคล..พุทธคุณยังเป็นเลิศ

แชร์ข่าว

สัปดาห์พระเครื่อง /อ.ราม วัชรประดิษฐ์

“วัดชนะสงคราม” เป็นวัดเก่าแก่ที่พุทธศาสนิกชนนิยมเดินทางไปกราบไหว้นมัสการขอพร อาจเป็นเพราะชื่อดี เมื่อขอพรใดแล้วจะได้ชัยชนะตามชื่อของวัด ก็คือสมความปรารถนานั่นเอง

แรกเริ่มเดิมที วัดชนะสงครามเป็นวัดเล็กๆ ของพระสงฆ์ฝ่ายรามัญ สมัยก่อนเรียกกันว่า "วัดกลางนา" ครั้นเมื่อกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ซึ่งเป็นแม่ทัพไปสู้รบกับพม่าชนะศึกกลับมาทรงพักทัพ ณ วัดนี้ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นพระอารามหลวงชั้นโท พระราชทานนามว่า "วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร" เพื่อเชิดชูเกียรติทหารชาวรามัญที่ร่วมกับกองทัพไทยและเป็นกำลังสำคัญในการทำสงครามชนะพม่าครั้งใหญ่ๆ ได้ถึง 3 ครั้ง

สำหรับ "พระกรุวัดชนะสงคราม" จะเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงนักนิยมสะสมพระเครื่อง ตามหลักฐานปรากฏเกี่ยวกับการสร้างและการค้นพบสามารถแบ่งแยกออกเป็น 3 ชุด ดังนี้

ชุดที่ 1: พระวังหน้า (ค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2496) ท่านเจ้าคุณพระธรรมทัศนาธร (ทองสุก สุทสฺโส) เจ้าอาวาสวัดชนะสงครามสมัยนั้น ได้ทำการขุดพระเจดีย์องค์ใหญ่ซึ่งเป็นองค์ประธาน และพบพระเครื่องต่างๆ จำนวน 11 พิมพ์ มีหลักฐานการสร้างและการบรรจุพระเครื่องชุดนี้ เป็นไม้แกะสลักรูปพระสงฆ์ห่มดอง คาดประคดอก นั่งสมาธิ และลงรักปิดทอง ที่ใต้ฐานรูปแกะสลักนี้บรรจุพระธาตุพระอัครสาวกโมคคัลลานะ ใบลานจารึกอักษรขอมเลอะเลือนผุกร่อน อ่านไม่ชัดเจน จึงสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ลักษณะเป็นพระพิมพ์เนื้อดินดิบผสมผงใบลานสีดำ บางองค์เป็นเงางาม ลวดลายเครือเถาชัดเจน เนื้อยุ่ย หักง่าย และมีที่เป็นเนื้อดินเผาบ้าง แต่จำนวนน้อยและหายากมาก สีองค์พระจะคล้ายสีหม้อใหม่ มีจุดดำๆ ขึ้นทั่วไป

ชุดที่ 2: พระพิมพ์สมเด็จ (ค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2515) เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2515 ค้นพบที่ใต้ฐานชุกชีประดิษฐานพระประธาน มีทั้งหมด 11 พิมพ์เหมือนกัน จากการพิจารณาพิมพ์ เนื้อ พุทธลักษณะต่างๆ ตลอดจนสิ่งแวดล้อมภายในสถานที่ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระพิมพ์ที่สร้างขึ้นสมัยสมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) หรือก่อนหน้านั้น พระกรุนี้จะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองทั้งพิมพ์ เนื้อ และขนาด เนื้อองค์พระสร้างจากผงพระเกสร ดังนั้นบางองค์เนื้อจะพองฟู บางองค์เนื้อแกร่ง และบางองค์เนื้อจะยุ่ยแบบผุ และที่น่าสังเกตอีกประการคือพระทุกพิมพ์จะค่อนข้างหนา พิมพ์ใหญ่จะมีลักษณะพิมพ์คล้ายสมเด็จอรหัง ของสมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) แต่ขนาดเล็กกว่า ส่วนพิมพ์เล็กซึ่งมี 3 พิมพ์ พิมพ์เล็ก 3 ชั้น มีลักษณะคล้ายสมเด็จคะแนนวัดระฆัง

ชุดที่ 3: พระเครื่องหลังสงคราม จัดสร้างโดย ท่านพระครูอุดมวิชัย (ทองม้วน ป.ธ.5) เมื่อปี พ.ศ. 2491 เพื่อแจกจ่ายให้พุทธศาสนิกชนนำติดตัวให้เกิดพุทธานุสติ หักห้ามใจให้ละเว้นความชั่ว ประกอบแต่กรรมดี ดำรงตนอยู่ด้วยความไม่ประมาท

มวลสารในการสร้าง ท่านพระครูฯ ได้ขอผงพุทธคุณต่างๆ จากคณาจารย์ที่ทรงวิทยาคุณชื่อดังทั่วประเทศ ผงอันเป็นส่วนหักป่นของพระพิมพ์จากกรุต่างๆ และดอกไม้นานาชนิดที่หน้าโต๊ะหมู่บูชาพระประธานในพระอุโบสถ รวมทั้งผงและพระหักป่นกรุวัดชนะสงคราม (วังหน้า) ที่ได้สะสมไว้ น้ำซึ่งเป็นส่วนผสมการสร้างพระ ก็ใช้เฉพาะน้ำพระพุทธมนต์ร้อยปีในพระอุโบสถตรงหน้าพระประธาน น้ำพุทธมนต์ในพระบรมมหาราชวัง และน้ำพระพุทธมนต์จากพระอารามต่างๆ เมื่อสร้างเป็นองค์พระเรียบร้อยแล้วจึงจัดพิธีพุทธาภิเษกตลอดไตรมาส โดยอาราธนาพระอาจารย์ผู้เรืองเวทวิทยาคุณและเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในยุคนั้นจากภาคต่างๆ ทั่วประเทศไทยรวม 108 รูป เข้าร่วมพิธีปลุกเสก พุทธลักษณะเป็นพระพิมพ์ประจำวัน เนื้อผง บางองค์มีจุดสีแดง สีดำ และสีชมพู เนื้อละเอียดแข็งเปราะ เมื่อขัดถูจะมันเงาสวยงาม

“พระกรุวัดชนะสงคราม” ทั้ง 3 ชุดนี้ นับเป็นพระเก่าแก่ ที่มีชื่อเป็นมงคล อีกทั้งพุทธคุณเป็นเลิศทีเดียว ที่สำคัญสมัยก่อนราคายังพอแตะได้ แต่ ณ ปัจจุบันหาดูหาเช่ายากนักครับผม