อาชญากรรม

ย้อนข้อมูล “ยิม เลียก-เบน สมิธ” ก่อน ปปง.ยึดทรัพย์คดีฟอกเงิน กลุ่ม “น.ส.แตงไทย” 9.2 พันล.

แชร์ข่าว

ย้อนข้อมูล “ยิม เลียก-เบน สมิธ” ก่อน ปปง.ยึดทรัพย์คดีฟอกเงิน กลุ่ม “น.ส.แตงไทย” 9.2 พันล.

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.68 เพจสำนักข่าวอิศรา ได้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารระบุว่า

"....นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าพบข้อมูลการส่งสินค้าซึ่งมีสิ่งของผิดกฎหมายจากจังหวัดเชียงรายไปที่ประเทศจีน และผู้เสียหายมียอดเงินในบัญชีธนาคารซึ่งเกี่ยวพันกับการฟอกเงินผิดกฎหมายต้องถูกตรวจสอบบัญชีธนาคาร จากการสืบสวนเส้นทางการเงิน พบข้อมูลว่า นางสาวแตงไทยฯ ได้รับมอบอำนาจให้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับบัญชีธนาคารของ นายยิม เลียก หรือ MR. LEAK YIM ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดทายาทเครือข่ายผู้มีอิทธิพลในกัมพูชา เป็นเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่หลอกลวงผู้เสียหายเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิดมูลฐาน พบข้อมูลการทำธุรกรรมนางสาวแตงไทยฯ เชื่อมโยงไปยังบุคคลและนิติบุคลจำนวนมาก รวมทั้งมีข้อมูลการโอนเงินไปยัง นายเบน สมิธ หรือ MR. SMITH BEN.." ปรากฏเป็นข่าวดังในช่วงค่ำคืนวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา

 

กรณี สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง.) ได้ออกเอกสารข่าวแจกกรณี ปปง.ดำเนินการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์และฟอกเงินข้ามชาติ ที่มีฐานปฏิบัติการใหญ่อยู่ในราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมทั้งสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินจำนวนกว่า 289 รายการ รวมเป็นมูลค่าประมาณ 10,165 ล้านบาท

 

จำแนกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ นายเฉิน จื้อ (Chen Zhi) กับพวก  , นายก๊ก อาน (MR.KOK AN) กับพวก , นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก นายเอื้ออังกูร สันติรักษ์โยธิน กับพวก 

 

โฟกัสข้อมูลในส่วนของ นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก  คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 66 รายการ (เช่น ที่ดิน ห้องชุด หลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 9,279 ล้านบาท มากที่สุดในบรรดา 4 กลุ่มข้างต้น

 

ปปง. ระบุพฤติการณ์ความผิดว่า นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าพบข้อมูลการส่งสินค้าซึ่งมีสิ่งของผิดกฎหมายจากจังหวัดเชียงรายไปที่ประเทศจีน และผู้เสียหายมียอดเงินในบัญชีธนาคารซึ่งเกี่ยวพันกับการฟอกเงินผิดกฎหมายต้องถูกตรวจสอบบัญชีธนาคาร จากการสืบสวนเส้นทางการเงิน พบข้อมูลว่า นางสาวแตงไทยฯ ได้รับมอบอำนาจให้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับบัญชีธนาคารของ นายยิม เลียก หรือ MR. LEAK YIM ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดทายาทเครือข่ายผู้มีอิทธิพลในกัมพูชา เป็นเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่หลอกลวงผู้เสียหายเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิดมูลฐาน พบข้อมูลการทำธุรกรรมนางสาวแตงไทยฯ เชื่อมโยงไปยังบุคคลและนิติบุคลจำนวนมาก รวมทั้งมีข้อมูลการโอนเงินไปยัง นายเบน สมิธ หรือ MR. SMITH BEN ซึ่งมีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน มีการโอนเงินไปมาระหว่างบริษัทต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เสมือนว่ามีการดำเนินธุรกิจ และใช้บริษัทในการถือครองทรัพย์สินแทนตนเอง และบุคคลใกล้ชิด ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมทางการเงินและการถือครองทรัพย์สินในลักษณะที่มีความซับซ้อนสูง

 

ขณะที่มีรายงานข่าวว่า ในวันที่ 3 ธันวาคม 2568 กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) จะมีการขอศาลออกหมายจับบุคคลกลุ่มนี้ประมาณ 40 คน มี นายยิม เลียก และนายเบน สมิธ รวมอยู่ด้วย ซึ่งขณะนี้บุคคลทั้งสองไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว

 

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ  นายยิม เลียก และ นายเบน สมิธ นั้น

 

หากสาธารณชนยังจำกันได้  ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบไปแล้วว่า นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิธ  ถูกระบุชื่อในบทความ นายทอม ไรต์ สื่อมวลชนอิสระ อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าววอลสตรีทเจอร์นัล (WSJ) และยังเป็นหนึ่งในผู้สื่อข่าวที่เปิดโปงการทุจริต เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาของรัฐ "1 มาเลเซีย ดีเวลอปเมนต์ เบอร์ฮัด" (1MDB) ที่เผยแพร่ลงบนเว็บไซต์  Whalehunting.projectbrazen.com ว่า บุคคลนี้เป็นนายหน้าขายเครื่องบินส่วนตัวให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองในไทย และนายยิม เลียก ประธานกลุ่มบริษัท B.I.C ของกัมพูชาและพันธมิตรของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และยังมีกระแสข่าวว่าเขาเป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจคนสำคัญของนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลในประเทศไทย ของนายทักษิณ ชินวัตร คอยให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ หลายเรื่องต้องผ่านความเห็นของบุคคลคนนี้

 

จากการตรวจสอบยืนยันข้อมูลพบว่า  ในช่วงปลายปี 2567-ต้นปี 2568 นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน ถือสัญชาติกัมพูชา ตามเอกสารหนังสือเดินทางกัมพูชา เลขที่ AAoooXXXX ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564  ได้ยื่นเรื่องขอสละสัญชาติกัมพูชา เพื่อแปลงสัญชาติเป็นไทย แต่ไม่ได้รับอนุญาต

 

นายเบน สมิธ แจ้งว่า เกิดที่แอฟริกาใต้ เชื้อชาติบริติช สัญชาติปัจจุบันกัมพูชา  ให้ข้อมูลประกอบการยื่นเรื่องขอแปลงสัญชาติ ว่า  ปัจจุบันมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในกรุงเทพฯ พักอาศัยย่านคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา ประกอบอาชีพเป็นที่ปรึกษาบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง  มีใบอนุญาตทำงานออกให้เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2567  รายต่อเดือนเกือบหนึ่งแสนบาท มีเงินฝากในบัญชีหลายล้านบาท มีบุตร 3 คน สองคนแรกเกิดจากหญิงสาวชาวไทยรายหนึ่ง ส่วนบุตรคนสุดท้อง เกิดจากหญิงสาวชายไทยอีกรายหนึ่ง โดยในการยื่นเรื่องดังกล่าว มีผู้รับรอง 2 คน คือ 1. นางสาว แคทรียา บีเวอร์ ภรรยา เป็นกรรมการบริษัท เอเพกซี เอคิวตี้ เวนเจอร์ จำกัด 2. นายวราห์ สุจริตกุล ผู้บริหารบริษัท หลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด

 

ขณะที่ นายเบน สมิธ ยังเป็นบุคคลที่ปรากฏในภาพถ่ายที่นายทอม ไรต์ สื่อมวลชนอิสระ อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าววอลสตรีทเจอร์นัล (WSJ) อ้างว่าเป็นภาพนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เจรจากับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ เมื่อช่วงเดือนเม.ย.2568 ที่ร้านอาหาร Provence ในห้างเกสรพลาซ่า ซึ่งมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นั่งรวมวงอยู่ด้วย

 

ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่า นายเบน สมิธ เป็นเพื่อนนักธุรกิจของนายทักษิณ รู้จักกันที่ดูไบ  สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อประมาณปี 2562  และชักชวนมาลงทุนในไทย  เคยตรวจสอบข้อมูลตำรวจสากล ไม่มีหมายแดง เป็นในคดีทางแพ่ง ซึ่งเคลียร์จบไปหมดแล้ว

 

สำหรับข้อมูล นายเบน สมิธ ในประเทศกัมพูชา ก่อนที่จะเดินทางมาอยู่ในประเทศไทยและยื่นเรื่องขอสละสัญชาติกัมพูชา เพื่อแปลงสัญชาติเป็นไทย นั้น

 

จากการตรวจสอบพบว่า ได้รับสัญชาติกัมพูชา และได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาเลขาธิการวุฒิสภากัมพูชาเมื่อปี 2557 (ดูเอกสารพร้อมคำบรรยายประกอบ)

 

เมื่อสำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับนายเบน สมิธ โดยใช้ภาษากัมพูชา ซึ่งเขียนว่า បេន ស្មីត โดยผลลัพธ์การค้นหาปรากฎข่าวที่น่าสนใจ 3 ข่าวด้วยกันได้แก่

 

1.ข่าวเมื่อปี 2563 กรณีที่ นายฮุน เซน ขอบคุณนายยิม เลียก ประธานกรรมการธนาคาร B.I.C และสมาชิกกลุ่ม B.I.C ที่บริจาคเงินรวม 300,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9,714,141 บาท)เพื่อร่วมสมทบทุนต่อสู้กับโควิด-19 โดยในภาพข่าวจะเห็นว่ามีบุคคลจากตะวันตก นั่งอยู่ทางด้านซ้าย ซึ่งคาดว่าจะเป็นบุคคลชื่อว่านายเบน สมิธ ส่วนด้านขวาคือนายยิม เลียก

 

 

2.ข่าวเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2567 รายงานว่านายฮอง ซอก เล้ง ประธานกรรมการบริหาร ธนาคาร B.I.C แสดงความยินดีกับนายยิม เลียก และนาย เบน สมิธ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี​​กษัตริย์กัมพูชาทรงแต่งตั้งให้ทั้งสองเป็นที่ปรึกษาของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ

 

3.ข่าวกรณีนายเบน สมิธ ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา(ประธานวุฒิสภาคือ สมเด็จฮุนเซน)บริจาคเงิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (1,620,000 บาท)เพื่อเข้าร่วมกับสภากาชาดกัมพูชา เนื่องในโอกาสครบรอบ 161 ปี วันกาชาดสากล โดยบริจาคเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

 

อย่างไรก็ตามปรากฎเป็นข่าวเมื่อวันที่ 4 ก.ค.2568 ที่ผ่านมาว่า สำนักข่าว Cambodia Daily ซึ่งเป็นสื่อกัมพูชาที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลได้เผยแพร่รายงานสืบสวนของเว็บไซต์ Kouprey ที่เจาะลึกข้อมูลเปิดโปงบทบาทของคณะกรรมการกาชาดกัมพูชา (Cambodian Red Cross) หรือ CRC ที่มีนางบุน รานี ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน และมารดาของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ดำรงตำแหน่งเป็นประธานองค์กร โดยพบว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนใหญ่ที่พัวพันอาชญากรรมและธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศ

 

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ นายยิม เลียก จากการสืบค้นข้อมูล พบว่าธนาคาร B.I.C. หรือที่เรียกอีกชื่อว่าธนาคาร BIC นั้นพบว่ามีการระบุข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารบนเว็บไซต์ Linkedin ว่า

 

ธนาคารแห่งนี้ เป็นธนาคารพาณิชย์ที่จัดตั้งและจดทะเบียนกับธนาคารแห่งชาติกัมพูชา บิคแบงก์ก่อตั้งขึ้นร่วมกันโดยบริษัท เอเชีย อินเวสต์เมนต์ แอนด์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส จำกัด แห่ง สปป.ลาว บริษัท พาราไดซ์ อินเวสต์เมนต์ จำกัด แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และบริษัท ไพรม์ สตรีท แอดไวเซอรี่ จำกัด จากประเทศไทย บริษัท เอเชีย อินเวสต์เมนต์ แอนด์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส จำกัด แห่ง สปป.ลาว เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นเจ้าของธนาคาร B.I.C ประเทศลาว

 

ธนาคาร B.I.C ก่อตั้งขึ้นภายใต้หนังสือรับรองการจดทะเบียนวิสาหกิจที่ออกโดยกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ และใบอนุญาตธนาคารที่ออกโดยธนาคารแห่งชาติกัมพูชา

 

ธนาคารได้เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2561 กิจกรรมหลักของธนาคาร B.I.C คือการให้บริการด้านธนาคารในด้านต่างๆ ดังนี้:

 

1. ระดมและรับฝากเงินระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวจากบริษัท องค์กร และบุคคลต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ

 

2. การให้สินเชื่อระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวโดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แก่บริษัท องค์กร และบุคคลต่างๆ โดยพิจารณาตามลักษณะและความสามารถของแหล่งเงินทุนของธนาคาร

 

3. การทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ บริการทางการเงินเพื่อการค้าระหว่างประเทศ บริการขายลดธนบัตร และเอกสารสำคัญ

 

และ 4. ให้บริการธุรกรรมระหว่างลูกค้า และบริการธนาคารอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการธนาคารแห่งชาติ กำหนด

 

ธนาคาร B.I.C ยังมีเว็บไซต์ชื่อว่า https://www.bicgroupasia.com โดยเมื่อเข้าไปดูเว็บไซต์ดังกล่าวพบว่ามีการระบุชื่อ นายยิม เลียก เป็นประธานและกรรมการบริษัท และมีชื่ออดีตข้าราชการไทยผู้บริหารหน่วยงานไทยหลายคน รวมเป็นบอร์ดบริหาร ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะมีการลบชื่อออกไป ขณะที่อดีตข้าราชการไทยกลุ่มนี้ ต่างออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

 

สำหรับข้อมูลที่อยู่ของที่ทำการในประเทศไทย มีการระบุว่าอยู่ที่เลขที่ 127 อาคารเกษร ทาวเวอร์ ชั้น 28 ห้อง เอ,บี,ดี/2 ถนนราชดำริห์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน ซึ่งเป็นที่ทำการเดียวกับที่สำนักข่าวอิศราได้เคยรายงานไปแล้วว่าเป็นที่ตั้งของบริษัท บริษัท เอเพกซ์ เอคควิตี้ เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2561 ทุนปัจจุบัน 2,000,000 บาท แจ้งประกอบธุรกิจกิจกรรมบริการเพื่อการบริหารสำนักงานแบบเบ็ดเสร็จ ปรากฏชื่อ นางสาว แคทรียา บีเวอร์ (ภรรยา นาย เบน สมิธ ) เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และถือหุ้นใหญ่สุด 99.9950% ณ วันที่ 30 เมษายน 2568

 

ส่วนที่อยู่ ณ ประเทศกัมพูชา ระบุว่าอยู่ที่ เลขที่ 87 ถนนพระสีหนุ สังกาส จตุมุข กรุงพนมเปญ

 

 

ส่วนข้อมูล นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ นั้น

 

จากการตรวจสอบฐานข้อมูลข่าวของสำนักข่าวอิศรา พบว่า เคยมีบุคคลชื่อ นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ ถูกออกหมายจับคดีลักลอบค้าน้ำมันเถื่อน กับ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ นักธุรกิจผู้กว้างขวางในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

 

ขณะที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า  นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ ปรากฏชื่อเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ หลายแห่งด้วย

 

ส่วนนางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ คนนี้ จะเป็นคนเดียวกับที่ปปง.ระบุว่า เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์และฟอกเงินข้ามชาติ ที่มีฐานปฏิบัติการใหญ่อยู่ในราชอาณาจักรกัมพูชา หรือไม่

แชร์ข่าว