ข่าวล่ามาเร็ว แต่อาจจะเพิ่มดีกรีความร้อนแรงทางการเมืองให้ระอุมากกว่าเดิม เมื่อคดีเก่ากำลังกลับมา “เขย่าขวัญ” พรรคประชาชน ในจังหวะที่จะเดินหน้าไปสู่โหมดของการเลือกตั้ง รอบใหม่
คดีเก่าที่ว่านี่คือคดี 44 อดีตสส.พรรคก้าวไกล ที่เคยร่วมกันลงที่ร่วมกันลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 โดยถูกกล่าวหาว่า ฝ่าฝืนหรือละเมิดมาตรฐานทางจริยธรรมฯ อย่างร้ายแรง โดยเรื่องอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
คดีนี้สืบเนื่องมาจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัย “ยุบพรรคก้าวไกล” กรณีใช้นโยบายหาเสียงในการแก้ไขมาตรา 112 ถือว่าใช้สิทธิ เสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง
เมื่อพรรคก้าวไกล ถูกยุบ แต่เรื่องราวยังไม่จบ เมื่อมีผู้ไปร้องให้คณะกรรมการป.ป.ช. กรณีผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง สำหรับคดีดังกล่าวถูกจับตามาโดยตลอดว่า จะเดินไปสู่จุดสิ้นสุดตรงไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพรรคประชาชน พรรคการเมืองเจนเนอร์เรชั่นที่ 3 นับจากพรรคอนาคตใหม่ ที่เคยถูกยุบ กำลังเตรียมตัวลงสนามเลือกตั้งกันแล้ว
แต่ล่าสุดกลับมีข่าวว่า คณะกรรมการป.ป.ช. อาจจะ “ชี้มูลความผิด” ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ก่อนถึงวันเปิดรับสมัคร สส.ทั้งระบบเขตเลือกตั้ง ในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ และวันที่ 28 ธ.ค.สำหรับสส.ปาร์ตี้ลิสต์
หากป.ป.ช.ชี้มูลออกมาก่อนจริง จะทำให้พรรคประชาชนอยู่ใน “รวน” ตามมาทันทีหรือไม่ ??
เพราะ อดีตสส.พรรคก้าวไกล ที่จะได้รับผลกระทบ จำนวน 25 คนนั้นมีชื่อ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ซึ่งขึ้นสู่แคนดิเดตนายกฯเบอร์ 1 และ “ศิริกัญญา ตันสกุล” แคนดิเดตเบอร์ 2 จะทำให้เหลือเพียง “อาจารย์ต้น” วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร แคนดิเดตเบอร์3 เพียงคนเดียวเท่านั้น ในท่ามกลางศึกเลือกตั้งที่ ทุกพรรคพร้อมดวลกันตัวต่อตัว
แม้ “สุรพงษ์ อินทรถาวร” รองเลขาธิการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. ยืนยันว่าคดี 44 ส.ส. เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่ตนเคยแถลงข่าวไว้ และย้ำว่าไทม์ไลน์คดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
แต่หากย้อนกลับไป สุรพงษ์ เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่าการพิจารณาคดีนี้รายบุคคลจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 68 จากนั้นคาดว่าเร็วสุดจะพิจารณาเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 68 แต่อย่างช้าไม่น่าจะเกินเดือนธันวาคม 68 ก่อนการเลือกตั้ง !
แน่นอนว่า พรรคประชาชน เอง “ตั้งรับ” กับสถานการณ์นี้มาตลอด แต่ในคราวเดียวกัน พรรคต้องเสนอชื่อ ณัฐพงษ์ และศิริกัญญา เพื่อเป็น “จุดขาย” ดึงกระแสสู้กับ พรรคการเมืองอื่น โดยเฉพาะการสู้ด้วยกระแสเปิดตัว “แคนดิเดตนายกฯ” กันอย่างคึกคัก
แต่ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น จะอยู่ที่ว่าหากป.ป.ช.มีการชี้มูลออกมาก่อนวันที่ ณัฐพงษ์ จะเป็นคนนำทีมผู้สมัครสส.เขตและปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคไปสมัครรับเลือกตั้งวันที่ 27-28 ธ.ค.นี้จะไม่เกิดกรณีเรื่อง “ข้อกฎหมาย” ตามมาหรือไม่ เมื่อหัวหน้าพรรค ถูกป.ป.ช.ชี้มูล
ดังนั้น “ทางออก” ของเงื่อนปมข้อนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่า แผนแรก พรรคอาจจะเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคเป็นการด่วน เพื่อเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค เนื่องจากหัวหน้าพรรคจะลงนามรับรองชื่อผู้สมัครสส.ของพรรค อาจจะกับความสุ่มเสี่ยงด้วยข้อกฎหมาย
นอกจากนี้หากแนวทางที่ว่านั้นอาจ “ฉุกละหุก” เกินไป พรรคอาจให้รักษาการหัวหน้าพรรคดำเนินการแทน
อย่างไรก็ดี กรณีคดี 44 อดีตสส.พรรคก้าวไกล กำลังจะกลายเงื่อนปม ที่ทำให้พรรคส้มสู้ในสนามเลือกตั้งรอบนี้ไม่สุดกำลังหรือไม่ หรืออาจจะกลายเป็น “คะแนนสงสาร” ที่มาช่วยพยุงผู้สมัครของพรรค เพราะนี่คือสิ่งที่พรรคไม่อาจกำหนด เหนือการควบคุม ตามที่ “หัวหน้าเท้ง” เคยบอกเอาไว้ !







