ผลการสำรวจจาก “นิด้าโพล” ล่าสุดดูจะสร้างขวัญ กำลังใจให้กับ “พรรคสีฟ้า” ได้อย่างมาก เพราะนี่อาจกำลังสะท้อนว่า พรรคเดินมาถูกทางแล้ว เมื่อมีการปรับโครงสร้างพรรค เปลี่ยน “หัวหน้า” กันใหม่ ประกาศชูธง “การเมืองสุจริต”
นิด้าโพล เปิดผลการสำรวจกระแสการเมืองใน “ภาคใต้” เมื่อวันที่ 30 พ.ย.68 ซึ่งประกอบด้วย 14 จังหวัด พบว่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนสูงมาเป็นอันดับ 2 คือ 25.65 % หัวข้อ “บุคคลที่ คนใต้ จะหนุนให้เป็นนายกฯวันนี้”
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ พาสชั้นขึ้นมาเป็นพรรคอันดับ1 ที่คนใต้จะสนับสนุนในวันนี้ ด้วยคะแนน 28.60 %
ส่วน “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่กำลังสู้กับสถานการณ์น้ำท่วมเวลานี้ ตกมาอยู่ที่อันดับ 3 ได้คะแนน 15.40 % ส่วนพรรคภูมิใจไทย ตกไปอยู่อันดับที่ 4 ได้ 11.65 %
“ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน พรรคแกนนำฝ่ายค้าน ได้แรงหนุนจากชาวใต้อยู่อันดับ 4 ได้คะแนน 12.85 % ส่วนคะแนนพรรค อยู่อันดับที่ 3 ได้17.80 %
การสำรวจโดยนิด้าโพล วัดกระแสการเมืองในภาคใต้ มีขึ้นตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ จนถึงช่วงต้นของสถานการณ์ ซึ่งหลายคนยังเชื่อว่า หากนิด้าโพล “สำรวจ” อีกครั้ง เมื่อ “น้ำลด” ไปแล้ว ความนิยมของทั้งตัวนายกฯอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย อาจจะอยู่ในภาวะที่ “ยากลำบาก” มากกว่านี้ เมื่อประเมินจาก “เสียงสะท้อน” ความเดือดร้อนจากชาวใต้ที่ประสบภัยพิบัติ มาถึงการเข้าสู่โหมดของการเยียวยา ฟื้นฟู
อย่างไรก็ดี หากประเมินจากผลโพลโดย นิด้า แล้วจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ “ประกาศชัยชนะ” ในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น คงยังไม่ใช่ !!
เนื่องจาก “กระแสความนิยม” ทั้งจาก ตัวอภิสิทธิ์ และพรรคจะให้ “ผลบวก” ดึงคะแนนในส่วนของ “ปาร์ตี้ลิสต์” ให้เพิ่มมากขึ้น โดยประเมินจากการเลือกเลือกตั้งสส.เมื่อปี 2566 พรรคประชาธิปัตย์ ได้สส.ปาร์ตี้ลิสต์ “3คน” เท่านั้น คือ “ชวน หลีกภัย-บัญญัติ บรรทัดฐาน -จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์”
ขณะที่ พรรคภูมิใจไทยกับพรรคกล้าธรรม ของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รองนายกฯและรมว.เกษตรฯ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค หมายมั่นปั้นมือจะกวาดสส.ในภาคใต้ อาจไม่สะเทือน !
อย่าลืมว่า “จุดแข็ง” ของพรรคสีน้ำเงินและพรรคกล้าธรรม คือการวางเป้าเอาไว้ที่ “สส.เขต” แม้จะไม่สามารถกวาดได้ทั้งหมด 54 เขต ในพื้นที่ 14 จังหวัด ก็ตาม แต่อย่างน้อย ทั้ง 2 พรรคมี “แผนการเล่น” เตรียมไว้อยู่แล้ว นั่นคือการลงไปลุยในเขตเลือกตั้ง ผ่านทั้ง “บ้านใหญ่” ที่เพิ่งย้ายเข้ามาสังกัด และความพร้อมในเรื่องของ “เสบียง”
ดังนั้น “ปัจจัยชี้ขาด” สนามเลือกตั้งในภาคใต้ จึงยังขึ้นอยู่กับ “สส.เขต” เป็นหลัก ด้วยเหตุนี้ทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคกล้าธรรม จึงยังปักหลักเร่งแก้ไขปัญหาหลังน้ำลด แม้ด้านหนึ่งจะเป็น “หน้าที่” ของรัฐบาลก็ตาม
แต่ผลที่อาจกระทบมากกว่า 2พรรคฝั่งรัฐบาล เมื่อ “กระแส” ของอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ในภาคใต้ “พุ่งสูง” กลับกลายเป็น “พรรคส้ม” !
เรื่องนี้ “เทพไท เสนพงศ์” อดีตสส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ มองว่า “ ความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ที่เพิ่มขึ้น มีผลกระทบต่อคะแนนนิยมของพรรคประชาชนในพื้นที่ภาคใต้อย่างปฏิเสธไม่ได้”
โดยเทพไท ย้อนกลับไปที่ผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 พรรคประชาชนมีคะแนนนิยมสูงเป็นอันดับหนึ่งของภาคใต้ อยู่ที่ 29.92% แต่วันนี้จากการสำรวจของนิด้าโพล พบว่า “ลดลง” เหลือ 17.80% ในขณะที่คะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2566 อยู่ที่ 8.19% วันนี้มีคะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 28.60%
“ ซึ่งจะตัดคะแนนกันในกลุ่มผู้ใช้สิทธิ์ที่เลือกพรรคการเมืองในเชิงอุดมการณ์ ซึ่งทั้ง2พรรค จะแย่งตลาดคะแนนนิยมหรือฐานเสียงเดียวกัน” (1 ธ.ค.68)
จุดได้เปรียบ เสียเปรียบในทางการเมือง ณ เวลานี้ อาจประเมินและมองจากผลการสำรวจ แล้วฟันธงเลยคงไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่าการตัดสินใจของประชาชน ยังมีอีกหลายปัจจัย หลายเงื่อนไข โดยเฉพาะเมื่อ “พรรคประชาธิปัตย์” กำลัง “ขี่กระแส” แต่สู้ “กระสุน” ได้ยาก







