“อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ประกาศ “พร้อมยุบสภา” มาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง ขู่ “ฝ่ายค้าน” ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไหร่ “ยุบสภา” ทันที
ทำเอา “พรรคประชาชน” ถึงกับกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะห่วงว่าถ้า “นายกฯอนุทิน” ชักดาบอาญาสิทธิ์ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีอันต้อง “ล้ม” พรรคต้อง “คว้าน้ำเหลว” ไม่ได้อะไรจากการทำ MOA ยกมือให้อนุทิน ได้เป็นนายกฯ
แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ สถานการณ์พลิกกลับชนิดที่เรียกว่า “360 องศา” !
เมื่อวิกฤต น้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ทั้งต่อตัวนายกฯอนุทิน ไปจนถึง “รัฐบาล” ที่เข้าสู่ภาวะ “วิกฤต” ไปพร้อมๆกับภัยพิบัติ ไปเรียบร้อยแล้ว
มิหน้ำซ้ำ ล่าสุด มีเสียงเรียกร้อง ให้นายกฯอนุทิน “ลาออก” เพื่อแสดงความรับผิดชอบจากการบริหารจัดการที่ล้มเหลว เพราะแม้จะเพิ่งมาเป็น “นายกฯ” แต่อย่าลืมว่า เขาเองก็เคยเป็นรัฐมนตรี มาแล้วหลายรัฐบาล เผชิญปัญหาใหญ่มาแล้วหลายเรื่อง ดังนั้นหากจะถือว่าเป็น “นายกฯฝึกหัด” เหมือน “แพทองธาร ชินวัตร” ก็คงไม่ถูกนัก
แม้เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ที่หาดใหญ่และอีก หลายจังหวัดในภาคใต้ จะมีสาเหตุมาจากสภาพอากาศแปรปรวน ผนวกกับ “จุดอ่อน” ของสภาพภูมิประเทศ แต่ เมื่อเกิดสถานการณ์น้ำท่วมหนักขนาดนี้ ผู้นำรัฐบาล ในฐานะผู้บริหารสูงสุด กลับถูกตั้งคำถาม ถึงการจัดการ และรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ ทั้งการที่นายกฯอนุทิน บินลงไปที่สงขลา จนถึง วันนี้เป็นรอบที่ 4 แต่กลับไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ระบบการสั่งการ และการจัดการของส่วนกลางเอง จะสนองต่อสิ่งที่จะตามมาหลังน้ำเริ่มลดได้หรือไม่
ยังรวมถึงการลงไปบัญชาการในพื้นที่ด้วยตัวเองของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและรมว.เกษตรฯ ที่มีการตะโกนต่อว่า ทหารที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชน ยิ่งทำให้เกิดความไม่พอใจจากกำลังพล และประชาชน จนเพจเฟซบุกของพรรคกล้าธรรม ต้องออกมาชี้แจง
แน่นอนว่า พื้นที่ภาคใต้ คือ “เป้าหมายหลัก” ทางการเมืองในการเลือกตั้งรอบหน้า ทั้งของพรรคภูมิใจไทย และพรรคกล้าธรรม ซึ่งวันนี้ทั้งสองพรรคคือ พรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งรอบนี้นายกฯยังแต่งตั้ง ร.อ.ธรรมนัส รองนายกฯ คุมสถานการณ์น้ำท่วมที่สงขลา ในท่ามกลางคำถามจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม และด้านน้ำ ว่าเป็นการตั้งคนที่ไม่มีความรู่ด้านการบริหารจัดน้ำท่วมขนาดใหญ่ มาคุมได้อย่างไร
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เสียงวิพากษ์วิจารณ์การบริหารจัดการกับปัญหาใหญ่ จากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยตรงในพื้นที่จริง ดูจะมีความแรงมากพอที่จะสั่นคลอน ความเชื่อมั่น ที่มีต่อ “รัฐบาล 4เดือน” จนทำให้นาทีนี้ ต้องวัดใจว่า ที่พรรคภูมิใจไทยประกาศ จะกวาดที่นั่งสส. 14 จังหวัดภาคใต้ ให้ถึง 30 ที่นั่ง นั้นยังมั่นใจอยู่หรือไม่
เช่นเดียวกับพรรคกล้าธรรมเอง ที่หมายมั่นปั้นมือในพื้นที่ภาคใต้ แม้จะไม่ขยับตัวเลขเท่ากับพรรคสีน้ำเงิน แต่ภาคใต้ โดยเฉพาะสงขลา ที่พรรคกล้าธรรม มีสส.เดิมอยู่แล้ว คือ ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา เขต 4 และหวังจะปักธงเพิ่ม
แต่หากวันนี้ ถ้าพรรคเพื่อไทย เดินเกมแรง ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังผ่านการพิจารณาวารแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2 ไปแล้ว นายกฯหนู จะกล้าประกาศยุบสภาฯ อีกหรือไม่ ! เพราะ “คะแนนนิยม” อาจจะตกน้ำไปพร้อมๆกับ อุทกภัยรอบใหญ่ ครั้งนี้ แทบหมดแล้ว







