เมื่ออยู่ในจังหวะที่ ได้เปรียบ “มวยเจนสังเวียน” อย่าง “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย จึงเป็นฝ่าย ยิงหมัดต่อเนื่อง แม้ที่ผ่านมาจะเต้นฟุตเวิร์ค ไปพลาง แย็ปซ้าย สลับขวา แต่วันนี้ ดูเหมือนจะชัดเจนแล้วว่า “นายกฯหนู” เลือกที่ปล่อยหมัดหนัก ยิงตรง ไปยัง “เพื่อไทย” และ “พรรคประชาชน”
19 พ.ย.68 นายกฯ อนุทิน เปิดเผยกับสื่อที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า พรรคภูมิใจไทย พร้อมยิ่งกว่าพร้อม แถมยังเปิดชื่อ “แคนดิเดตนายกฯ” ครบทั้ง 3ชื่อ ทั้ง เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรมว.คลัง และ “ศุภจี สุธรรมพันธ์” รมว.พาณิชย์ ซึ่งถือว่าเวลานี้เป็นรัฐมนตรีที่มีกระแสมาแรงมากที่สุดในครม.
ล่าสุดวันนี้ นายกฯหนู ประกาศบนเวที ระหว่างปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Change for the Future” ประกาศว่าพร้อม “ยุบสภาฯ” ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ เมื่อเปิดสมัยประชุมสภา ฯ แล้ว “ฝ่ายค้าน” ทั้งแดง ทั้งส้ม ยังเดินหน้ายื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 โดยให้มีการโหวตลงมติ “ไว้วางใจ” หรือไม่ เพราะการเป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ทำอย่างไร ก็ไม่มีทาง “ชนะโหวต”
“ปีหน้ายังไงก็ต้องเลือกตั้ง เพราะสภาพการเมืองที่มันดำรงมาจนถึงจุดนี้ก็ต้องยอมรับตรงๆว่า มันไปไม่ได้แล้ว รัฐบาลเสียงข้างน้อยมันจะไปได้ได้อย่างไรไม่ต้องมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะอภิปรายก็แพ้
ผมก็บอกแล้วว่าวันที่ 31 ม.ค.69 ยุบสภาแต่ท่านรอถึงวันที่ 31 ม.ค.69 ไม่ไหวก็ไม่มีปัญหา ท่านจะให้ผมยุบสภาวันที่ 12 ธ.ค.68 วันเปิดสภา ผมก็พร้อมยุบ
แต่จะมีอะไรที่มันทำแล้วไม่เสร็จหลายอย่างท่านก็ต้องไปเบลม จะมาโทษผมไม่ได้ เพราะผมไม่ยอม”
แน่นอนว่าสถานการณ์ทางการเมืองวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังไม่มีพรรคไหนที่จะ “พร้อม” ลงสนามเลือกตั้งกันอย่างจริงจัง เนื่องจากต่างมี “เงื่อนไข” เป็นการ “เฉพาะตัว” ด้วยกันทั้งสิ้น
พรรคเพื่อไทยเองอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ หลัง “อำนาจ” หลุดมือ เสถียรภาพในพรรคก็หวั่นไหว เมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้นำทางจิตวิญญาณ ยังไม่สามารถ ออกมาจากเรือนจำได้และยังไม่รู้ว่า เมื่อไหร่จะได้รับ“อิสรภาพ”
เมื่อ “ศัตรูคู่แค้น” อย่างพรรคเพื่อไทย อยู่ในสภาพ ไม่พร้อมสู้ แต่ขณะเดียวกัน แม้นายกฯอนุทิน จะประกาศท้าทาย “รายวัน” กวักมือให้ พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน “ใจกล้า” ยื่นญัตติซักฟอก เพราะหากเป็นเช่นนั้น จะประกาศยุบสภา ทันที โดยไม่ต้องรอให้ มีการ “ตีความ” ว่าเมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติแล้วจะ “ยุบสภาฯ” ได้หรือไม่
ทว่าในความเป็นจริงอีกด้านหนึ่ง พรรคภูมิใจไทย ที่กำลังเก็บเกี่ยว “คะแนนนิยม” จากโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ในเฟส ที่ 1 และเตรียมเดินหน้าลุยเฟส ที่2 ในเดือนธ.ค.นี้ ก็ตาม ย่อมไม่ได้หมายความว่า พรรคภูมิใจไทย จะพร้อมเต็มอัตราศึก
อย่าลืมว่า ภารกิจใหญ่ที่พรรคสีน้ำเงิน จะต้องจัดการให้เสร็จสรรพ ก่อนลงสนามเลือกตั้งจริง จะอยู่ที่การใช้เงินงบประมาณ ควบคู่ไปกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำ โดยเฉพาะ “กระทรวงมหาดไทย”
แม้ที่ผ่านมาในทุกการประชุมครม. พรรคร่วมรัฐบาลต่างพากันเสนอรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ กระทรวงในมือของตัวเองก็ตาม โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นกระทรวงหลักของพรรคภูมิใจไทย แต่ประเด็นที่น่าสนใจและต้องจับตา ยังอยู่ที่การ “จัดทัพ” ในระดับ “นายอำเภอ” ซึ่งถือว่ามีความใกล้ชิดการเมืองท้องถิ่น ในหน่วยที่เล็ก แต่ได้ผลในเชิงการเมือง ระดับ "เขตเลือกตั้ง"
การประกาศยุบสภาฯ โดยการกำหนด วัน ว. เวลา น.สำหรับนายกฯอนุทิน ด้วยการปักหมุดเอาไว้ที่ 12 ธ.ค. นั้น อาจเป็นการบอกทั้ง “ฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น” ไปพร้อมๆกับการส่งสัญญาณ “จัดทัพข้าราชการ” ล็อตใหญ่ ทิ้งทวนก่อนลงสนาม !







