วันที่ 10 ธ.ค.68 นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ออกมาแสดงความกังวลต่อภาพที่ปรากฏการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งปรากฏภาพของบุคคลชื่อ “เบน สมิธ” ร่วมอยู่ด้วย โดยมองว่านี่ไม่ใช่เพียงประเด็นเล็กๆ ทางการเมือง แต่เป็นสัญญาณเตือนระดับประเทศ เนื่องจากอาจสะท้อนโครงสร้างของเครือข่ายทุนสีเทาที่กำลังก้าวล้ำเข้ามามีบทบาทในการจัดทำความร่วมมือระดับนโยบายรัฐ
นายปริเยศ ระบุว่าภาพดังกล่าวทำให้เกิดคำถามต่อความโปร่งใสอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะข้อตกลงที่ลงนามนั้นเกี่ยวข้องกับความร่วมมือด้านการเงินระหว่างประเทศ แต่กลับมีตัวแทนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมพิธีลงนาม ทั้งที่ไม่ใช่หน่วยงานในสายงานด้านการเงินหรือเทคโนโลยีดิจิทัล จึงเป็นสิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องจำเป็นต้องออกมาอธิบายให้ชัด เพื่อไม่ให้เกิดความคลางแคลงใจในสังคมเพิ่มขึ้น
นายปริเยศ ยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า การที่ประธานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ซึ่งในขณะนั้นอยู่ในฐานะปลัดกระทรวง DE ปรากฏอยู่ในภาพร่วมลงนามด้วย อาจส่งผลกระทบด้านความเชื่อมั่นของตลาดทุนไทย หากไม่มีการชี้แจงที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือ เพราะ ก.ล.ต. คือหน่วยงานสำคัญในการรักษามาตรฐานกำกับดูแลธุรกิจการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศ
โฆษกพรรคไทยสร้างไทยเปิดเผยว่า ในขณะนี้มีหลายกลุ่มที่กำลังพยายามดำเนินการขอจัดตั้งบริษัทเพื่อขอใบอนุญาตซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ซึ่งมีกระแสข่าวเชื่อมโยงถึงบุคคลที่ถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องทุนสีเทา ตอนนี้อาจจะอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาขั้นตอนท้ายๆ ดังนั้นหาก ก.ล.ต. ไม่ใช้มาตรการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเปิดช่องให้ประเทศไทยกลายเป็น “เครื่องฟอกเงินขนาดใหญ่” ผ่านเหรียญดิจิทัลหรือธุรกรรมบนแพลตฟอร์มที่ไม่โปร่งใสได้
นายปริเยศจึงเรียกร้องให้สำนักงาน ก.ล.ต. ออกมาชี้แจงอย่างเร่งด่วนว่าได้ดำเนินมาตรการปราบปรามและตรวจสอบกลุ่มมิจฉาชีพ หรือ scammer ที่อาจแฝงตัวอยู่ในตลาดทุนแล้วหรือไม่อย่างไร พร้อมทั้งเชิญชวนประชาชนติดตามอย่างใกล้ชิดว่า ก.ล.ต. จะอนุมัติหรือปฏิเสธใบอนุญาตบริษัทที่ดำเนินการเป็น platform ซื้อขายเหรียญและสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความเสี่ยงเหล่านี้ เพราะผลลัพธ์ของกระบวนการนี้อาจกำหนดเสถียรภาพของระบบการเงินและภาพลักษณ์ของประเทศในระยะยาว ///








