วันที่ 10 ธ.ค.68 ดร.โภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย ระบุว่า ในวันรัฐธรรมนูญปีนี้ พรรคได้สร้าง “คำประกาศเจตนารมณ์เพื่ออนาคตประเทศไทย” ซึ่งเป็นกรอบแนวคิดและทิศทางสำคัญที่พรรคต้องการผลักดัน เพื่อนำพาประเทศออกจากวงจรเดิม ๆ และก้าวสู่ระบบการเมืองที่โปร่งใส พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน หากพรรคได้รับโอกาสบริหารประเทศ
ในคำประกาศเจตนารมณ์ดังกล่าว ดร.โภคินอธิบายว่า พรรคได้จัดทำเป็นชุดเนื้อหาให้สมาชิก ว่าที่ผู้สมัคร และผู้สนับสนุนนำไปเผยแพร่ เพื่อให้สังคมเข้าใจภาพรวมของปัญหาและแนวทางแก้ไขอย่างมีหลักฐานรองรับ แม้เนื้อหาเชิงวิชาการจะมีความลึก แต่ถูกเรียบเรียงให้อ่านง่ายและเข้าถึงได้ โดยตั้งโจทย์ใหญ่ของประเทศคือ การทำให้ประชาชนทุกช่วงวัย “มีความมั่นคงในชีวิต” ทั้งเรื่องปากท้อง การรักษาพยาบาล ที่อยู่อาศัย และหลักประกันยามชรา
คำประกาศเจตนารมณ์ยังชี้ว่า ประเทศไทยมีศักยภาพมากพอที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตคนกว่า 70–80% ของประเทศ หากใช้นโยบายและงบประมาณอย่างถูกทิศทาง พร้อมระบุว่าประเด็นปัญหาใหญ่สามารถแตกย่อยลงสู่ปัญหาเฉพาะพื้นที่ เช่น เกษตรกรปลูกข้าว ทุเรียน ลำไย หรือยางพารา เพื่อให้แนวทางแก้ไขตอบโจทย์ความจริงในแต่ละสาขาอาชีพอย่างแท้จริง
ดร.โภคินยังกล่าวถึงโอกาสวันรัฐธรรมนูญว่า 93 ปีของการเมืองไทยยังวนเวียนระหว่างการเลือกตั้งและการยึดอำนาจ ขณะที่การเมืองจำนวนไม่น้อยยังพึ่งพาทุนมืดและระบบอุปถัมภ์ ส่งผลให้ประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบและความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น พรรคไทยสร้างไทยจึงให้ความสำคัญสูงสุดกับ “การเมืองสุจริต” ซึ่งจะถูกบรรจุไว้ในข้อบังคับพรรค เพื่อยืนยันว่าทุกนโยบายต้องตรวจสอบได้และไม่ใช่เพียงวาทกรรมหาเสียง
คำประกาศยังครอบคลุมความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า ตั้งแต่ระบบราชการที่ยังมีการทุจริต ปัญหาเศรษฐกิจ การศึกษา โรคระบาด ภัยธรรมชาติ ไปจนถึงความแตกต่างระหว่างช่วงวัย ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์เพื่อให้คนทุกวัยสามารถอยู่ร่วมกันและสร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศได้
ด้านทิศทางการพัฒนา พรรคไทยสร้างไทยระบุว่าประเทศไทยมีจุดแข็งสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ อาหาร สุขภาพ การท่องเที่ยว และภูมิประเทศเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งจะถูกใช้เป็นเสมือน “ทิศเดิน” หลัก ในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การศึกษา และการปราบปรามคอร์รัปชันอย่างเป็นระบบทั้งในราชการและตำรวจ
พรรคยังตั้งโรดแมปการทำงาน หากได้บริหารประเทศ โดยกำหนดช่วงเวลาอย่างชัดเจน ตั้งแต่ 100 วันแรก หกเดือน–หนึ่งปี หนึ่ง–สองปี และสอง–สี่ปี พร้อมประเมินว่าหลังสองปี ตัวชี้วัดทั้งในประเทศและระดับโลกจะเริ่มดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเมื่อครบสี่ปี ประเทศจะเข้าสู่ “จุดเริ่มต้นของยุคใหม่” ที่คนไทยอยู่ร่วมกันอย่างพี่น้อง สร้างประเทศที่มั่นคงและยั่งยืนเพื่อส่งต่ออนาคตให้ลูกหลาน
ในวันรัฐธรรมนูญปีนี้ พรรคไทยสร้างไทยจึงตอกย้ำว่า การเมืองไทยต้องเดินไปสู่ความสุจริต โปร่งใส และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อวางรากฐานประชาธิปไตยที่มั่นคงให้ประเทศสืบไป








