วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รายงานสถานการณ์อุทกภัยจากจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยยืนยันว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และสั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดเร่งช่วยเหลือประชาชนในทุกจังหวัดภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องและเท่าเทียมกัน
นายพิพัฒน์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ในจังหวัดสงขลามีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะบริเวณถนนลพบุรีราเมศวร์ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ถูกน้ำท่วมมานานสองวัน ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มลดลง ทำให้สามารถเปิดเส้นทางบางช่วงได้แล้ว ส่งผลให้รถยนต์เข้าถึงชุมชนได้สะดวกขึ้น และเร่งลำเลียงอาหารสด น้ำดื่ม และถุงยังชีพเข้าสู่พื้นที่ได้รวดเร็วกว่าเดิม ทั้งนี้ ยืนยันว่าตนเองอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามและประสานการช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด และพร้อมปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ข้อมูลจากศูนย์บริหารสั่งการของกระทรวงคมนาคมรายงานมาว่า ภาคใต้ยังคงมีพื้นที่เสี่ยงภัยฝนตกหนักรวม 6 จังหวัด ได้แก่ สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล โดยตั้งแต่วันที่ 1–27 พฤศจิกายน 2568 พบว่ามีโครงข่ายคมนาคมที่ได้รับผลกระทบสะสมรวม 413 แห่ง และยังมีจุดที่ผ่านไม่ได้ทั้งหมด 90 แห่ง ครอบคลุมถนนสายหลัก สายรอง เส้นทางรถไฟ ท่าเรือ และระบบขนส่งสาธารณะหลายประเภท ซึ่งทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมได้เร่งเข้าพื้นที่เพื่อฟื้นฟูและอำนวยความสะดวกให้สามารถกลับมาใช้งานได้โดยเร็วที่สุด
ส่วนในด้านการช่วยเหลือประชาชน ศูนย์บริหารสั่งการรายงานว่า กรมเจ้าท่าได้จัดเรือพระราชทานเข้าช่วยอพยพและลำเลียงสิ่งของจำเป็นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทได้สนับสนุนถุงยังชีพ วางกระสอบทราย เปิดเส้นทางชั่วคราว และจัดตั้งสะพานเบลีย์ในจุดที่ถนนขาด รวมถึงจัดรถบรรทุกเพื่อรับส่งประชาชนในพื้นที่เสี่ยง นอกจากนี้ ท่าอากาศยานในพื้นที่ยังคงให้บริการได้ตามปกติ โดยท่าอากาศยานหาดใหญ่รายงานว่าระดับน้ำรอบสนามบินเริ่มลดลง และมีการตรวจสอบสถานการณ์ทุก 4 ชั่วโมง พร้อมรองรับเที่ยวบินช่วยเหลือจากเฮลิคอปเตอร์ของทหาร ตำรวจ และหน่วยราชการมากกว่า 130 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญในการลำเลียงผู้ประสบภัยและส่งมอบความช่วยเหลือไปยังจุดต่างๆ อย่างทันท่วงที
ทางองค์การบริการทางอากาศ (บวท.) และท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ได้เปิดจุดรับบริจาคและจัดส่งถุงยังชีพอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ทอท. ได้ส่งมอบถุงยังชีพจำนวน 1,500 ชุดถึงท่าอากาศยานหาดใหญ่แล้ว และอยู่ระหว่างจัดเตรียมเพิ่มเติมตามแนวทางที่กระทรวงคมนาคมกำหนด ขณะเดียวกัน กรมการขนส่งทางบกได้เปิด “ศูนย์จิตอาสาคมนาคม” เป็นวันที่สอง เพื่อรับบริจาคสิ่งของและจัดถุงยังชีพจำนวน 900 ถุง มอบให้กับประชาชนในอำเภอหาดใหญ่ โดยได้รับการสนับสนุนด้านการขนส่งจากสมาพันธ์การขนส่งทางบกที่นำรถบรรทุกคอนเทนเนอร์มาร่วมปฏิบัติภารกิจ
ในด้านการเยียวยา นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติงบเร่งด่วนจำนวน 100 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาใช้ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างคล่องตัว โดยกำชับว่าต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส และใช้เฉพาะในส่วนที่จำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกว่าแต่ละจังหวัดได้รับการดูแลไม่เท่าเทียม ทั้งนี้ หากจังหวัดอื่นประสบความเสียหายเพิ่มเติมและต้องการงบช่วยเหลือ ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถเสนอเรื่องผ่านกระทรวงมหาดไทย และรัฐบาลพร้อมพิจารณาให้ทันทีตามความเดือดร้อนจริง
นายพิพัฒน์ กล่าวย้ำว่า รัฐบาลจะยังคงลงพื้นที่ ติดตาม และเร่งฟื้นฟูเส้นทาง ระบบขนส่ง และสาธารณูปโภคในทุกจังหวัดจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือความปลอดภัยและการกลับมาดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างเร็วที่สุด พร้อมขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งใครในช่วงเวลาวิกฤต







