“เปิดปมสแกมเมอร์พร้อมมาตรการจัดการทุนเทายึดประเทศ” จากงานรีชาร์จประชาชน โดยวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน
วันที่ 22 พ.ย.68 วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ขึ้นกล่าวในงาน “รีชาร์จประชาชน Recharge the People” วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่พรรคประชาชน อาคารอนาคตใหม่ ซอยรามคำแห่ง 42 กรุงเทพฯ ภายใต้ธีม “เอาจริง! มาตรการจัดการทุนเทายึดประเทศ”
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ขึ้นกล่าวในหัวข้อ “เปิดปมสแกมเมอร์ สู่ขบวนการฟอกเงินระดับโลก รัฐบาลไทยทำอะไรอยู่?” โดยเริ่มจากการพูดถึงสแกมเมอร์ที่เริ่มต้นด้วยการหลอกเงินคุณยาย สู่ความวอดวายระดับประเทศ โดยพูดถึงกัมพูชาว่าเป็นประเทศที่มีเครือข่ายสแกมเมอร์และค่ายกักกันสแกมเมอร์อย่างน้อย 60 แห่ง มีทั้งแรงงานที่เต็มใจบ้าง ถูกหลอกมาบ้าง
ทำให้เกิดปัญหาค้ามนุษย์ ปัญหายาเสพติด ปัญหาการก่อการร้ายในกัมพูชา โดยมูลค่าจากการหาเงินสแกมเมอร์ราว 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐถึง 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเป็นเงินไทยราว 4-6 แสนล้านบาท โดยคิดเป็นเงินจากการสแกมเมอร์หลอกจากสหรัฐอเมริกาได้ประมาณ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
ส่วนประเทศไทยสูญเสียประมาณ 115,300 ล้านบาท คือเม็ดเงินที่ถูกสูบออกจากระบบเศรษฐกิจ กำลังซื้อที่ถูกสูบออกจากระบบเศรษฐกิจ กระทบทั้งกำลังซื้อของประชาชน กระทบคุณภาพชีวิตประชาชนชาวไทย
วิโรจน์กล่าวต่อไปว่า มีประชาชนแจ้งความตำรวจประมาณ 300,000 คดีต่อปี หรือ 822 คดีต่อวัน นำไปสู่ความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมในระดับต้นที่พนักงานสอบสวนทำไม่ไหว ยังมีคดีอื่นๆ อีกมาก เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกให้รัก ให้มีความสัมพันธ์ หลอกเอาเงินไปจนในที่สุดก็ทำให้เหยื่อหลงเชื่อจนถูกรีดเงินจนหมดตัวและในที่สุดก็มีปัญหาสุขภาพจิตและนำไปสู่การคิดสั้นของเหยื่อผู้ถูกกระทำ
นอกจากนี้ยังมีการโจมตีทางข้อความ 130 ล้านครั้งต่อปี มีโทรศัพท์จากสแกมเมอร์ 38 ล้านสายต่อปี รวม 168 ล้านครั้งต่อปีที่สแกมเมอร์โจมตีคนไทย ทุกคนที่มีโทรศัพท์ใน 1 ปีจะเจอสแกมเมอร์อย่างน้อย 4 ครั้ง นี่ไม่ใช่ความปกติของประเทศ แต่เป็นภัยความมั่นคงที่ยิ่งใหญ่
ความเสียหายทั้งหมดรวม 115,300 ล้านบาทต่อปี
โดยค่าเฉลี่ยทั้งหมด แบ่งได้ ดังนี้
-เหยื่อ 1 ราย จะเสียหายประมาณ 114,000 บาท
-เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เสียหายประมาณ 78,468 บาท
-คนวัยทำงาน 26-30 ปี เสียหายประมาณ 72,908 บาท
-ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เสียหายประมาณ 416,453 บาทต่อราย (1 ใน 5 ของเหยื่อ หรือ 22% คือผู้สูงอายุ)
วิโรจน์เผยว่า จำนวนบัญชีม้าในปัจจุบันมีมากกว่า 2 ล้านแล้ว มีเจ้าของบัญชีม้าประมาณ 2 แสนราย บางรายอาจจะมี 5-6 บัญชี ปัจจุบันบัญชีม้าเป็นม้าเลี้ยง คือมีการเจรจาต่อรองว่าแต่ละบัญชีจะได้รับเงินจากการเปิดบัญชีม้าเป็นจำนวนเท่าไร ม้าแต่ละรายจะเปิดประมาณ 10-20 บัญชีต่อคน ยอมให้โจรเอาบัญชีไปหลอกคนอื่น อยู่เฉยๆ ได้เงิน 30,000-40,000 บาทต่อเดือน แต่เมื่อไรก็ตามที่บัญชีม้าถูกตรวจสอบ ทั้งบัญชี เบอร์โทรศัพท์จะสาวไปถึงหมายเลขบบัตรประจำตัวประชาชนได้ ถ้าเปิดบัญชีม้า 20 บัญชี โทษก็สะสม ถ้าศาลสั่งจำคุก กรรมละ 1 ปี กลายเป็นว่าประเทศเรากำลังสูญเสียคนวัยแรงงานไปเปิดบัญชีม้าแบบนี้ ไปอยู่ในคุก ในตะราง
ทั้งนี้ ศาลได้ปรับแนวการตัดสินใหม่แล้ว แต่เดิมมองว่าบัญชีม้าคือเหยื่อ แต่ตอนนี้ทราบแล้วว่าบัญชีม้าเป็นอาชญากร หลายคนถูกจำคุก 10 ปี เงินประมาณ 115,300 ล้านบาทที่ไทยต้องสูญเสียแต่ละปี
เงินสกปรกเหล่านี้ต้องผ่านการฟอกเงิน หลายคนไม่เข้าใจว่าการฟอกเงินคืออะไร เงินจากที่มาสกปรก ใช้จ่ายไม่ได้ต้องหาธุรกิจบังหน้า หากิจกรรมบังหน้า เพื่อหาที่มาว่ามีที่มาจากอะไร นายกรัฐมนตรีบอกว่าเราไม่ใช่แหล่งสแกมเมอร์ แต่เป็นฐานการฟอกเงิน
วิโรจน์ระบุว่า เขาแซวเล่นๆ ในค่ายทหาร ในบางบริษัท รับคนเข้าเป็นทหารเกณฑ์ หรือรับคนเข้าทำงาน ก็ต้องเปิดบัญชีเพื่อรับเงินเดือน ธนาคารบอกเปิดไม่ได้ เพราะเป็นบัญชีม้า ชีวิตหมดอนาคต ต่อให้ไม่ถูกดำเนินคดีแต่เป็นบัญชีม้าก็ต้องถูกล็อค เปิดบัญชีใหม่ไม่ได้ ตราบใดที่คดีไม่ถึงที่สุด ร้ายแรงกว่าคดียาเสพติด ที่ใช้มาตรา 113 มาตรา 114 เข้ารับการบำบัด ไปเปิดบัญชีก็กลับไปเป็นพนักงานได้ หลายคนไปขับ Grab ไปเป็น Rider ไม่ได้ เพราะต้องเปิดบัญชีอยู่ดี ตอนนี้ทหารเกณฑ์จำนวนมาก เปิดบัญชีธนาคารกรุงไทยไม่ได้ เขาเกณฑ์ไปคิดว่าเป็นทหารราบ กลายเป็นทหารม้า ทหารอากาศก็เป็นทหารม้าได้
ไหนจะการฟอกเงินต้องผ่านนอมินีสรวงสวรรค์อีก บางคนอายุ 24 ปี เป็นกรรมการบริษัท 49 บริษัท บริษัทนอมินีเหล่านี้ทำอะไรบ้าง
ประการแรก บริษัทนอมินีจะซื้อธุรกิจต่างๆ
ธุรกิจฟอกเงินที่สร้างกระแสเงินสดได้ทุกวัน จำนวนมากๆ เช่นธุรกิจร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงแรม รีสอร์ตต่างๆ ธุรกิจขนส่ง ทำอย่างไรให้ได้เงินเยอะๆ ลูกค้าแน่นๆ ก็จะผสมรายได้จากลูกค้า บวกกับเงินสกปรก ต้องทำให้ดูแล้ว คนเยอะ ลูกค้าแยะ ทำโปรโมชั่นตัดราคาบ้าคลั่ง
มีธุรกิจสีเทา ทำให้ธุรกิจสุจริตอยู่ลำบาก เจอตัดราคา ธุรกิจสุจริตก็มองว่า ถ้าคิดต้นทุนบัญชี ค่าเช่าต่างๆ เหล่านี้อยู่ได้อย่างไร ธุรกิจเกิดใหม่ที่ตอบไม่ได้ว่าเถ้าแก่เป็นใคร จากไหน กรรมการอายุ 24 ปี ตัดราคาแบบนี้ได้อย่างไร
สุดท้ายธุรกิจสุจริตอยู่ลำบาก คนตกงานเป็นภาระกองทุนประกันสังคมอีก คนตกงานกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งก็ถูกจูงใจให้มาเป็นบัญชีม้าอีก จากลูกจ้างกลายเป็นเจ้าของบัญชีม้า อยู่เฉยๆ ได้เงินเดือนละ 3-4 หมื่นบาท แต่สุดท้ายธุรกิจสุจริตในประเทศป่นปี้
ประการที่สอง บริษัทนอมินีตั้งมูลนิธิ องค์กรการกุศลต่างๆ
โดยการเปลี่ยนเงินบริจาคที่มูลนิธิไปจัดจ้างบริษัทในเครือข่าย กลายเป็นรายได้บริษัทเหล่านั้น เมื่อมีคนขอตรวจสอบ ก็สร้างเป็นเกราะกำบังตนเองว่า ผมเป็นคนดี คุณทำความดีได้สักเศษเสี้ยวของผมช่วยในสังคมหรือเปล่า พวกนี้ทำให้มูลนิธิดีๆ แปดเปื้อนไปด้วย ธุรกิจต่างๆเหล่านี้ ถ้าเราปล่อยให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกิดขึ้น แม้เขาจะโทรมาเพื่อช่วยเปลี่ยนโปรโมชั่นให้เราประหยัดขึ้น กลายเป็นว่าอาชีพคอลเซ็นเตอร์ที่สุจริตถูกคิดว่าเป็นโจรหมดแล้ว ธุรกิจดีๆ พังไปด้วย Telesale ต่างๆ ไปหมดเลย
ประการที่สาม ปั่นราคาอสังหาริมทรัพย์
ทำให้คนที่อยากซื้อจริงๆ ต้องซื้อในราคาที่แพงขึ้น กลายเป็นบ้านและคอนโดศูนย์เหรียญ
ประการที่สี่ มีการประมูลงานภาครัฐ สร้างอาณาจักรศูนย์เหรียญ เอานอมินีมาเปิดบริษัท ไม่เสียภาษี ซื้อขายกันเอง
ประการต่อมา ทำลายธุรกิจการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวที่ดีก็ไม่มา เมืองท่องเที่ยวหลายแห่งกำลังเจอปัญหาแบบนี้ มีเกาะหนึ่งที่สุราษฎร์ธานีกำลังเจอปัญหานี้ มีการติดสินบนข้าราชการท้องถิ่น ข้าราชการฝ่ายปกครองให้ทำตามอำเภอใจ
นอกจากนี้ยังมีการพนันออนไลน์ในปีหนึ่ง 20,000 กว่าล้านบาท มีการค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ นี่คือวงจรคร่าวๆ ที่ไม่ได้หลอกเงินคุณยาย ไม่ได้คิดฟอกเงิน แต่คิดยึดประเทศไทยง่ายมาก เอาเงินให้ข้าราชการระดับสูง นักการเมืองชั่วเป็นสมุนรับใช้ โดยการคิดทุจริตเชิงนโยบาย โดยเข้าสู่กองทุนส่วนบุคคล ถือหุ้นนิติบุคคล นักการเมืองชั่วเอาเงินซื้อเสียง
เพื่อเข้าสู่อำนาจรัฐและออกนโยบายให้พวกนี้เข้าไปถือหุ้น เขาประเมินกันว่ามีเงินเข้าตลาดหลักทรัพย์กว่า 2 หมื่นล้านบาท เงินสกปรกทำให้ธุรกิจในประเทศเติบโตไม่ได้ และยังมีการซื้อธุรกิจประกันภัยกรมธรรม์ โดยปกปิดชื่อผู้รับประกันภัยถูกปกปิด
วิโรจน์ระบุว่า ถ้าเราปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น คุณภาพชีวิตแย่ลง ประเทศอาจถูกจัดให้อยู่ในบัญชีสีเทาเข้าสักวัน ถ้าเขาจัดให้อยู่ในกลุ่มสีเทาภาคการเงิน ภาคธนาคาร เราจะถูกตรวจสอบอย่างหนัก จะไม่มีประเทศไหนเข้ามาทำธุรกรรมในประเทศเรา เราจะถูกมองเป็นเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์ในฐานะคนฟอกเงิน ถ้าเปรียบกัมพูชาเป็นโจรไปปล้นเงิน เราคือคู่สมรสของเงินที่มีหน้าที่ซ่อนเงินให้โจร
การจ้างงานใหม่ๆ แรงงานทักษะสูงไม่มี การพัฒนาซัพพลายเชนไม่มี การลงทุนจากต่างประเทศไม่มี สุดท้าย ประเทศไทยดำดิ่ง
สำหรับทางแก้ปัญหานั้น วิโรจน์เสนอว่า หนึ่ง เราต้องเร่งสร้างระบบนิเวศให้ประเทศไทยมีเกราะคุ้มกันจากสแกมเมอร์เหล่านี้ เรามี พ.ร.ก. ไซเบอร์ ฉบับที่ 2 มาตรา 8/10 บอก ให้ ธปท. กสทช. ก.ล.ต. และคณะกรรมการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ออกมาตรการปฏิบัติ และถ้าธนาคาร เครือข่ายมือถือ ผู้ให้บริการหลักทรัพย์ต่างๆ ไม่ยอมทำตามมาตรการเหล่านี้ ต้องร่วมรับผิด ร่วมจ่ายให้ความเสียหายแก่ประชาชนด้วย
ตอนนี้กฎหมายลูก ธปท. กสทช. ยังออกไม่ครบ ประชาชนไม่รู้ว่าถูกหลอกแล้วจะหาความรับผิดชอบร่วมที่ใคร องค์คณะที่ไหนจะพิจารณา ไม่มีธนาคารพาณิชย์แห่งไหนยอมปล่อยให้ลูกค้าถูกหลอก เขาจะปรับระบบ Security ครั้งใหญ่ ให้ระบบนิเวศมีความมั่นคงปลอดภัยให้เจ้าของบัญชีเงินฝากและผู้ใช้มือถือมากยิ่งขึ้น ไม่มีใครปล่อยให้โจรหลอกแล้วไม่ทำอะไรเลยและไปจ่ายเงินแทนลูกค้า ไม่มี
MAS สิงคโปร์ทำได้ แล้วทำไม คุณวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยจึงทำไม่ได้ ทำไมนายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ทำไม่ได้ ไม่เข้าใจ คุณจะปกป้องผลประโยชน์ของนายธนาคาร คุณจะปกป้องผลประโยชน์ของผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ แล้วคุณปล่อยให้คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณลุง คุณป้า ต้องดูแลตัวเองหรือ?
กสทช. ทำไมไม่ทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ตอนนี้บัญชีม้าสามารถล็อคที่เลขประจำตัวประชาชนแล้ว บัญชีจะถูกล็อคหมด บัญชีเก่าหายเกลี้ยง บัญชีใหม่เปิดไม่ได้ แต่ซิมม้าทั้งที่มีการแจ้งความแล้ว ทำไมไม่ใช้ระบบ Central Fraud Registry เหมือนธนาคารแห่งประเทศไทยที่ล็อคทุกซิม ล็อคทุกเบอร์ และให้เลขประจำตัวประชาชนที่เป็นเลขโจรไม่สามารถซื้อซิมใหม่ได้ นี่คือมาตรการเร่งด่วนเพื่อปกป้องประชาชน
DBD BOI กรมสรรพากร ต้องร่วมมือกันปราบปรามนอมินีธุรกิจศูนย์เหรียญ อาณาจักรศูนย์เหรียญ ทำลายการท่องเที่ยว ปัจจุบัน DBD มีเจ้าหน้าที่ดูแลนอมินีแค่ 12 คนเท่านั้น ต้องยกระดับสู้กับนอมินีศูนย์เหรียญให้ได้
บช. สอท. บก. ปอท. ปปง. และ ป.ป.ช. ฟอกเงินทั้งเครือข่าย สหรัฐเปิดเผยชื่อบริษัทไทยแล้ว สิงคโปร์เปิดเผยแล้ว แต่นายกฯ ยอมรับว่าเราเป็นฐานในการฟอกเงิน แต่ยังดำเนินคดีไม่ได้เลย น้อยมาก
ก.ล.ต. ปปง. คปภ. กรมการปกครอง ต้องทำให้ประเทศไทยเรา กลุ่มการลงทุนต่างๆ ไม่สามารถปิดบังตัวตนผู้รับประโยชน์ที่แท้จริงได้ ทั้งเงินคริปโต เงินดิจิทัลต่างๆ รวมทั้งมูลนิธิต่างๆ ผู้บริจาคหลักต้องระบุว่า เงินเป็นล้านๆ ของคุณมาจากไหน ตลอดจนการซื้อประกันภัยด้วย
ในด้านระหว่างประเทศ เราต้องแสดงความมุ่งมั่นลงสัตยาบัต ต้องอนุวัติ พระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องไว้แล้วเพื่อทลายเครือข่ายทุนเทาให้ได้ รวมทั้งร่วมกับเวทีอาเซียน ตำรวจสากลอาเซียน เราสามารถร่วมมือกับประเทศต่างๆ โดยที่ไม่ต้องลงนามอะไรเลย ใช้การร่วมมือแบบ Coalition of the Willing หรือความร่วมมือแบบชั่วคราวเพื่อทำภารกิจเฉพาะเพื่อจัดการกับสแกมเมอร์ทุนเทาเหล่านี้ ประเทศสูญเสียจากสแกมเมอร์แสนกว่าล้านบาท ถ้าเทียบจีดีพีกับอเมริกา อเมริกามีจีดีพี 57 เท่าของไทย ของเรา 1 แสนล้านบาท เราบาดเจ็บจากสแกมเมอร์มากกว่าสหรัฐอเมริกาเสียอีก
วิโรจน์ทิ้งท้ายว่า ขอฝากถึงกระทรวงการต่างประเทศก็ใช้กลไกของ ICRG ในการรายงานพฤติกรรมกัมพูชา จัดกัมพูชาให้อยู่ในกลุ่มบัญชีสีเทาให้ได้ แต่เราต้องทำตัวเองให้สะอาดด้วย ท้ายที่สุดนี้ ปีหน้า ปี 2569 ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการจัดประชุม IMF, กลุ่มธนาคารโลก ในเดือนตุลาคม ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นายกรัฐมนตรี ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ จะถือธงนำประเทศไทยกล่าวสุนทรพจน์ที่ยิ่งใหญ่ว่าประเทศไทยของเราจะเป็นแกนนำพร้อมร่วมมือกับโลกทำลายกระบวนการสแกมเมอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้สิ้นซาก และนี่คือภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ชื่อณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ








