การเมืองทั่วไป

“กมธ.MOU43-44” ชี้ความเห็นแตกสองขั้ว ลุ้น ครม. ฟันธงยกเลิก-ไม่ยกเลิก “สฤษฏ์พงษ์” ย้ำต้องยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก

แชร์ข่าว

“กมธ.ศึกษา MOU 2543-2544” ขอยืดเวลาออกไปอีก 30 วัน หลังมีฝ่ายเห็นควรยกเลิกเพราะกัมพูชา "ผิดอนุสัญญา" และฝ่ายค้านที่เตือน "จะเสียเปรียบ" ด้าน “สฤษฏ์พงษ์” ประธาน กมธ. ย้ำอำนาจยกเลิกอยู่ที่ ครม. หลังประเด็นเขตแดนยังเห็นต่าง ทั้งปัญหาการตีความเส้นแนวเขต และร่องรอยการละเมิดของกัมพูชา ย้ำรัฐบาลควรเปิดเวทีดีเบตให้ประชาชน 7 จังหวัดชายแดนรับรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด

วันที่ 19 พ.ย. 2568 ที่รัฐสภา นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU 2543 และ 2544 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการศึกษา ว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนทำรายงาน มีเวลาศึกษาจนถึงวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ซึ่งคิดว่าไม่ทันจึงต้องขอขยายเวลาศึกษาออกไปอีก 30 วัน เพื่อให้มีเวลาในการรวบรวมเอกสาร และข้อมูลของแต่ละฝ่ายให้ได้เต็มที่ ซึ่งทางกรรมาธิการได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อไปรวบรวมหลักฐานและตรวจสอบข้อมูลให้สมบูรณ์โดยมี นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นประธาน

เมื่อถามว่าขณะนี้เหตุการณ์ชายแดนเริ่มปะทุอีกครั้ง ทาง กมธ.ได้ประเมินสถานการณ์ไว้หรือไม่ นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า เราประเมินทุกสถานการณ์ แต่การจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิก MOU เป็นอำนาจของรัฐบาล แต่บทบาทของกมธ.ก็ทำเต็มที่เพื่อเสนอให้รัฐบาล ส่วนรัฐบาลจะฟังหรือไม่ฟังข้อมูลจากกรรมาธิการ ก็เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีในที่ประชุมขณะนี้ ก็มีความเห็นที่แตกต่างกันทั้งในส่วนข้าราชการ อดีตข้าราชการ และภาคประชาชน แต่ในความเห็นที่แตกต่างกันก็พยายามทำความเข้าใจว่าไม่ใช่ใครเป็นฝ่ายที่ถูกหรือฝ่ายที่ผิด แต่อาจมีฐานข้อมูลความเชื่อและการตีความที่แตกต่างกัน

เมื่อถามว่าในที่ประชุมมีการพูดคุยหรือไม่ว่าถ้าหากยกเลิก MOU43-44 จะทำให้เราเสียเปรียบหรือได้เปรียบมากกว่ากัน นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ฝ่ายที่เห็นควรไม่ให้ยกเลิกก็ให้เหตุผลว่าหากเรายกเลิกเราก็จะเสียสิทธิ์และเสียเปรียบ ส่วนฝ่ายที่บอกว่ายกเลิกได้ทันทีก็เพราะว่าเขาผิดอนุสัญญาและเป็นโอกาสในจังหวะที่ประเทศไทยควรยกเลิก แต่ยังมีอีกหลายประเด็นทั้งเรื่องที่ต้องพิจารณา เช่น การตีความตามเส้นแนวเขตว่าจะใช้แนวเขตตามขอบหน้าผาหรือแนวสันปันน้ำ ซึ่งวันนี้จะมีการคุยกันในเรื่องเขตรอยต่อไทยกัมพูชาที่เป็นสันเขาและล้ำเข้ามาในดินแดนของประเทศไทย ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่ารัฐบาลเตรียมจัดดีเบตรับฟังความเห็นเรื่อง MOU43-44 ทาง กมธ.จะมีส่วนร่วมอย่างไร นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม โดยเฉพาะพี่น้องชายแดน 7 จังหวัด โดยนำวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญให้ข้อมูลทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยแก่ประชาชนตามแนวชายแดน

เมื่อถามว่าจะทำให้เราเสียเปรียบกัมพูชาหรือไม่ในการดีเบตครั้งนี้ นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ความได้เปรียบเสียเปรียบอยู่ที่ข้อกฎหมายอยู่แล้ว สิ่งที่ประเทศไทยเราจะได้ก็คือประชาชนได้มีความรู้เพิ่มขึ้น และเห็นด้วยในการทำประชามติแบบประเทศประชาธิปไตย เราอย่าไปคิดว่าตอนเซ็น MOU ทำไมไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม และพอคราวนี้ตัดสินใจให้ประชาชนมีส่วนร่วม

“ผมคิดว่ารัฐบาลหรือ ครม. จะตัดสินใจว่าจะยกเลิกหรือไม่ เพียงแต่ต้องการให้ประชาชนมามีส่วนร่วม และการที่กัมพูชาทำพฤติกรรมแบบนี้เราก็ต้องเก็บข้อมูล เพราะเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ เราก็ต้องไปเก็บข้อมูลว่าละเมิดอย่างไร สิ่งเหล่านี้พอถึงเวลาจะย้อนกลับและเป็นคนประโยชน์ต่อประเทศไทย สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมอยากทำความเข้าใจกับประชาชนคือ ให้ประชาชนยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ สิ่งที่เห็นต่างกันในข้อเท็จจริงเราอย่านำประเด็นที่เห็นต่างกันทำเพื่อชัยชนะ ประเด็นที่เห็นต่างและทำให้กัมพูชาเอาประเด็นที่เห็นว่ามีประโยชน์ไปอ้างได้ในเวทีโลก”ประธานกมธ.ศึกษาMOU กล่าว

ข่าวแนะนำ