กองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยข้อมูลกรณี “ร.ต.ซึม ซ็อมแอง” อดีตเชลยศึกกัมพูชาที่เคยถูกควบคุมตัวโดยฝ่ายไทย ก่อนถูกส่งกลับประเทศเมื่อเดือนสิงหาคม 2568 เนื่องจากมีอาการป่วยหนักและเข้าข่ายปัญหาสุขภาพจิต ล่าสุดกลับพบว่าเขาถูกส่งกลับขึ้นแนวหน้ารบอีกครั้ง ทั้งที่ลงนามในเอกสารรับปากกับกองทัพไทยว่า จะไม่กลับเข้าร่วมการรบอีก
กองทัพไทยระบุว่า ระหว่างถูกควบคุมตัว ร.ต.ซึม ซ็อมแองมีอาการพิษสุราเรื้อรังและภาวะเสียสติจากความเครียดในสนามรบ อีกทั้งยังมีพฤติกรรมไม่ยอมสวมรองเท้า แม้เจ้าหน้าที่พยายามจัดหาให้หลายครั้ง แต่กลับถูกฝ่ายกัมพูชานำไปบิดเบือนว่าไทยกลั่นแกล้งไม่ให้สวมรองเท้า
กองทัพภาคที่ 2 ชี้ว่า การนำผู้ป่วยที่มีภาวะผิดปกติทางจิต หรือสงสัยว่าเข้าข่ายโรค PTSD กลับไปปฏิบัติการรบ ถือเป็นการกระทำที่ ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง และเป็นเหตุผลสำคัญที่ไทยยังไม่ส่งตัวเชลยศึกที่เหลืออีก 18 นายกลับไป หลังสภาความมั่นคงแห่งชาติมีมติชะลอการส่งตัว โดยทั้ง 18 รายยังคงได้รับการดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังสำนักข่าว Fresh News Daily ของกัมพูชาเผยแพร่ภาพและข้อความยกย่อง “ซึม ซ็อมแอง” ว่าเป็น “ฮีโร่ทหารกัมพูชา” ที่กลับมาสู่แนวหน้าอีกครั้ง พร้อมยกย่องว่าเป็นตัวอย่างของความกล้าหาญและจิตวิญญาณทหารกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยย้ำว่า ข้อเท็จจริง คือเขาเป็นผู้ป่วยที่ถูกส่งกลับไปเพื่อเข้ารับการรักษา ไม่ใช่นักรบที่ฟื้นตัวจนพร้อมกลับสู่สนามรบตามที่สื่อกัมพูชาเสนอข่าว
กองทัพภาคที่ 2 ยังย้ำถึงหลักสากลด้านมนุษยธรรมว่า
อดีตเชลยศึกไม่ควรถูกบังคับกลับเข้าสู่การรบทันทีหลังปล่อยตัว
ผู้มีภาวะปัญหาสุขภาพจิตจัดเป็นกลุ่มเปราะบาง
การนำผู้ป่วยเข้าสู่สนามรบโดยไม่ประเมินพร้อมรบ เป็นการเสี่ยงต่อชีวิตและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
การใช้บุคลากรที่ไม่พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ อาจเข้าข่ายละเมิดหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน
#ซึมซ็อมแอง #เชลยศึกเขมร #ไทยกัมพูชา #ทัพภาค2 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวความมั่นคง #PTSD #กัมพูชา







