"รมช.นเรศ" เปิดสัมมนาขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาการผลิตข้าว วางเป้าดันข้าวคุณภาพ–ข้าวคาร์บอนต่ำ เพิ่มความเข้มแข็งกลุ่มเกษตรกร พัฒนาศูนย์ข้าวชุมชน และจัดโซนนิ่งข้าวทั่วประเทศ พร้อมผลักดันระบบตลาดเชื่อมโยงโลก ยกระดับข้าวไทยสู่มาตรฐานสากลอย่างยั่งยืน
วันที่ 17 พ.ย.68 นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนา เรื่อง การขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาการผลิตข้าวและการพัฒนาความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกร พร้อมกล่าวมอบนโยบายและข้อเสนอแนะการพัฒนาการผลิตและการตลาดข้าวของไทย โดยมี นายอานนท์ นนทรีย์ อธิบดีกรมการข้าว และผู้บริหารกรมการข้าว เข้าร่วม ณ โรงแรมทีเค พาเลซ กรุงเทพมหานคร
นายนเรศ กล่าวว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้ เพื่อให้เกิดการบูรณาการเชิงนโยบายและปฏิบัติในภาคการผลิตข้าวอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตผ่านการตลาดจนถึงการเพิ่มศักยภาพเกษตรกร โดยมีสาระสำคัญ คือ 1) เพื่อถ่ายทอดทิศทางนโยบายของรัฐบาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมการข้าว ให้แก่ผู้ปฏิบัติงานทุกระดับอย่างชัดเจน 2) เพื่อทบทวนผลการดำเนินงานที่ผ่านมา วิเคราะห์อุปสรรคในระดับพื้นที่ และร่วมกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหา 3) เพื่อพัฒนาศักยภาพศูนย์ข้าวชุมชนและกลุ่มนาแปลงใหญ่ให้มีความเข้มแข็งและสามารถดำเนินงานได้ด้วยตนเอง 4) เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ในภาคการผลิตข้าว เช่น เมล็ดพันธุ์คุณภาพ เทคโนโลยีดิจิทัล การลดต้นทุน และการเชื่อมโยงตลาด และ 5) เพื่อพัฒนากลไกความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันเกษตรกร และเครือข่ายพันธมิตรอย่างเป็นรูปธรรม
รัฐบาลมุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาและช่วยเหลือภาคเกษตรกรรม ด้วยการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ และการสร้างรายได้ ยกระดับภาคเกษตร และการจัดการทรัพยากรสิ่งแวดล้อม โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหน่วยงานหลักที่ดูแลภาคเกษตรกรรมของประเทศ ได้เร่งขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วน เพื่อสร้างรายได้ สร้างตลาด และสร้างโอกาส ให้เกษตรกรมีความเข้มแข็ง หลุดพ้นจากเส้นความยากจน จึงได้มอบหมายกรมการข้าวในฐานะหน่วยงานหลักที่ดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและการผลิตข้าว ต้องช่วยกันเร่งแก้ไขปัญหา และวางแนวทางร่วมกันกับทุกภาคส่วน โดยให้ทำงานเชิงบูรณาการให้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ต้องช่วยผลักดันให้เกิดตลาดก่อนการผลิต โดยเร่งการปรับเปลี่ยนการผลิตข้าวของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้เป็นการผลิตข้าวเชิงคุณภาพ เช่น การผลิตข้าวคาร์บอนต่ำ (Low carbon rice) ข้าวโภชนาการสูง ข้าวเพื่อสุขภาพ เป็นต้น รวมถึงการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวที่มีข้าวพันธุ์ดี ได้มาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับในระดับสากลด้วย
อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ ต้องทำงานในเชิงรุก ทั้งในเรื่องการเชื่อมโยงด้านตลาด โดยร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ผลักดันการตลาดข้าวคุณภาพ และสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกร การใช้ศูนย์ข้าวชุมชน เป็นเป้าหมายการดำเนินงานหลักในภาคเกษตร การขับเคลื่อนตามนโยบายการพัฒนาการผลิตข้าว รวมถึงการพัฒนาบุคลากรของกรมการข้าว โดยการปรับบทบาทจากเจ้าหน้าที่ เป็นที่ปรึกษาที่เข้าใจและเข้าถึงเกษตรกรผู้ปลูกข้าว สามารถให้คำแนะนำ ถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ ๆ ทั้งเรื่องพันธุ์ข้าว เทคโนโลยีและการตลาด ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้ด้วย
"กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมการข้าว มีนโยบายที่จะขับเคลื่อนการสร้างความสมดุลของอุปสงค์และอุปทานทั้งในด้านการเพาะปลูกและการตลาด ซึ่งนอกจากการผลิตข้าวคุณภาพและข้าวคาร์บอนต่ำแล้ว การปรับเปลี่ยนพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมต่อการปลูกข้าวไปปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน เช่น ข้าวโพดหรือพืชตะกูลถั่ว ก็เป็นนโยบายที่ต้องเร่งขับเคลื่อนไปพร้อมกัน โดยมีเป้าหมาย 1 ล้านไร่ ทั้งด้านการเพาะปลูกและการตลาด และได้บูรณาการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อทำโครงการนี้ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม กรมการข้าวจะต้องเร่งผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพดี เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรนำไปปลูก เพื่อเพิ่มผลิตผลต่อไร่ได้ต่อไป" รมช.เกษตรและสหกรณ์กล่าว
ด้านนายอานนท์ นนทรีย์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้กรมการข้าวพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาการผลิตข้าวและการพัฒนาความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกร เพื่อยกระดับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้เกิดความเข้มแข็ง มีความยั่งยืนในอาชีพ ยกระดับราคาข้าวไทยอย่างยั่งยืน ขับเคลื่อนข้าวไทยสู่ข้าวคุณภาพ ข้าวคาร์บอนต่ำ และข้าวแห่งอนาคต (Thai Premium & Low-Carbon Rice 2030) โดยข้าวไทยต้องเปลี่ยนจากระบบผลิตแบบเดิมสู่ข้าวคาร์บอนต่ำ ภายใน 3 - 5 ปี เพื่อรักษาความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเร่งรัดการส่งเสริมการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำ 1 ล้านไร่ของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
การขับเคลื่อนตามแนวนโยบายยกระดับราคาข้าวไทยอย่างยั่งยืนนี้มีวิสัยทัศน์ให้ “ข้าวไทยเป็นสินค้ามูลค่าสูง มีคุณภาพโดดเด่น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ในทุกขั้นตอนภายในปี 2573” โดยมีนโยบายหลักสำคัญ 5 ด้านในการยกระดับข้าวไทยอย่างยั่งยืน ได้แก่ 1) ระบบพันธุ์และเมล็ดพันธุ์ตรงตลาด พัฒนา “ระบบพันธุ์และเมล็ดพันธุ์ตรงตลาด” ด้วยเทคโนโลยีการปรับปรุงพันธุ์สมัยใหม่และฐานข้อมูล Demand-Supply เพื่อให้เกษตรกรมีเมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์ ทันฤดูกาลและตรงตามความต้องการของตลาดและผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ 2) ระบบข้าวมูลค่าสูงจากคุณภาพและนวัตกรรม ขับเคลื่อน “ข้าวมูลค่าสูง” ผ่านการสร้างผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพ พร้อมส่งเสริม Soft Power และนวัตกรรมการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างอัตลักษณ์ข้าวไทยในตลาดโลก 3) การผลิตข้าวคาร์บอนต่ำและเกษตรแม่นยำ ปรับระบบการผลิตข้าวสู่ “ข้าวคาร์บอนต่ำ” ด้วยเกษตรแม่นยำ เทคโนโลยี Smart Farming และระบบ MRV พร้อมส่งเสริมการจัดการฟางแบบงดเผา(No -Burn) เพื่อสร้างรายได้เสริมจากฟางและเครดิตคาร์บอน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน 4) การตลาดและอุตสาหกรรมเชื่อมโยงโลก สร้าง “ระบบตลาดข้าวเชื่อมโยงโลก” โดยบูรณาการการผลิต-แปรรูป-การค้า ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล Rice Value และ Thai Rice Digital Exchange เพื่อให้ข้าวไทยเข้าถึงตลาดพรีเมียม พร้อมยกระดับมาตรฐาน Traceability และ การรับรองคุณภาพ 5) ปฏิรูปนโยบายและแรงจูงใจ ปฏิรูประบบนโยบายและแรงจูงใจภาครัฐด้วยการจ่ายตามผลลัพธ์(Result-Based Incentive) และกองทุนเปลี่ยนผ่าน เพื่อสนับสนุนเกษตรกรเข้าสู่ระบบข้าวคุณภาพ พร้อมพัฒนา Big Data Dashboard และการวางแผนระยะยาวแบบ Foresight เพื่อความยั่งยืนของระบบข้าวไทย







