บันเทิง

“อั๋น ภูวนาท” เผยป่วยหนักทั้งร่างจากเชื้อตัวเดียว พลิกมุมคิด ชีวิตสำคัญกว่าเงิน

แชร์ข่าว

“อั๋น ภูวนาท” ป่วยทั้งร่างเพราะเชื้อตัวเดียว สู่วันที่เข้าใจว่าชีวิตสำคัญกว่าเงิน

รายการ Tuck Talk เปิดใจ “อั๋น ภูวนาท” ย้อนอดีตเล่า 3 เดือนที่ทรมานที่สุดในชีวิต พังทั้งร่าง ผมร่วงเกือบทั้งหัว ผื่นขึ้นทั้งตัว ร่างกายเตือนแต่ไม่ฟัง? มือไม่มีแรงแม้แต่จะรูดซิปกางเกง จนหมอจับตรวจมะเร็ง? โหมงานหนักเพราะเห็นเงินตรงหน้า คิดว่าแค่เหนื่อยเดี๋ยวก็หาย ไม่ฟังเสียงเตือนของร่างกาย เข้าใจแล้วว่าชีวิตสำคัญกว่าเงิน พร้อมวิธีฟื้นร่างพังให้กลับมาดีด้วย Probiotics

เป็นคนที่ทำงานเยอะมาก ตอนนี้ทำอยู่กี่รายการ ?

อั๋น ภูวนาท : ทำ Green Wave 106.5 FM แล้วก็มีรายการสดของ NBT อีกสองรายการ แล้วก็มี เวิร์คพอยท์ นี้คือทุกวัน แล้วก็มีบางวันที่ต้องไปถ่ายรายการ Club Friday ที่เหลือก็จะเป็นงานอีเวนท์ งานที่เราต้องทำในโซเชียล ไปออกรายการต่างๆ หรือว่างานสารพัดรีวิวอื่นๆ 

พอทำงานเยอะก็มีอาการป่วยมันเกิดอะไรขึ้น ?

อั๋น ภูวนาท : เมื่อไม่กี่เดือนนี้เองครับ จริง ๆ อั๋นยังอยู่ในระหว่างกลางของมันเลยนะฮะ จนถึงจนวินาทีที่นั่งอยู่ กับพี่แต่ไม่ต้องกลัวติดนะเชื้อโรคมันได้หมดสิ้นไปแล้ว คือไปเที่ยวออสเตรียกับครอบครัวจะไปเที่ยวที 2 อาทิตย์ เราก็เลยต้องทำงานแบบโต้รุ่ง มันก็จะเหนื่อยโหมมาก พอไปถึงก็เที่ยวปกติก็เที่ยวกันสนุกสนาน วันสุดท้ายของทริปก่อนกลับ อั๋นยืนอยู่ในห้องน้ำกับจ๋า แล้วจ๋าก็บอกว่าอั๋นทำไมตัวเป็นผืนทั้งตัว แต่มันไม่เจ็บไม่แสบไม่คัน แล้วอั๋นก็กางมืออกมาดูมือเราก็เป็นผื่นหมดเลย ขึ้นเครื่องบินกลับพอลงจากเครื่องปุ๊บก็ไปหาหมอเลย หมอดูอาการก็บอกว่าไมโคพลาสมา หมอบอกว่ามันคือแบคทีเรียชนิดหนึ่งกินยาปฏิชีวนะ 5 วันตามนี้ ไม่มีอาการอะไรเลยแล้วเราก็กินยาไปเรื่อยๆ ปรากฏว่ามันขึ้นใบหน้า ภายในวัน 2 วัน กลายเป็นว่าทำงานช่วงนั้นต้องโบกรองพื้นกลบ แล้วอีกอันหนึ่งตอนลงจากเครื่องมาตอนที่ไปหาหมอแล้วเดินไปในโรงพยาบาลจับเอวตัวเองเจอก้อนใหญ่เกือบเท่ากำปั้นประมาณ 16 เซ็น แล้วมันเพิ่งขึ้นภายใน 1 ไฟล์ของการขึ้นเครื่องบิน หมอถามเจ็บไหม ไม่เจ็บไม่รู้สึกอะไรเลย หมอก็เลยบอกงั้นรอก่อนเดี๋ยวมันอาจจะหายเองไม่น่ามีปัญหาอะไรจนตอนนี้ยังอยู่เลยนะ หลังจากนั้นผื่นบนหน้าก็หาย แต่อั๋นรู้สึกเจ็บหนังศรีษะ เหมือนอักเสบไปหมดเลย ผมว่ามันเป็นเรื่องแปลกสำหรับผมมาก แล้วอั๋นเริ่มเจ็บมือ เจ็บนิ้ว จนอั๋นเริ่มไม่มีแรง อั๋นไม่มีแรงในระดับที่อั๋นกดกรรไกรตัดเล็บไม่ได้ อั๋นไม่มีแรงแม้แต่จะรูดซิปกางเกงยีนส์แล้วดึงขึ้น เพราะอั๋นเอามือ 2 นิ้วมาจับกัน บีบไม่ได้ มันเหมือนทั้งร่างกายอักเสบ เกาตรงไหนก็ตามเจ็บเหมือนอักเสบเลย เจ็บคอเพิ่มขึ้นและเจ็บใต้ลิ้น เจ็บในระดับที่สูงขึ้นทุกวันในระดับที่ 9/10 เป็นอย่างนี้อยู่ 1 เดือน

ถามหมอไหม ?

อั๋น ภูวนาท : หมอบอกว่าเหมือนเราเป็น ลองโควิด เจ็บมาก กินอะไรไม่ได้มันทรมาน อั๋นผอมหมดเลย ใต้ลิ้นเจ็บจนขยับลิ้นไม่ได้ พูดทำรายการยังเจ็บเลย เราก็เริ่มโทรม เจ็บจนนอนไม่หลับ หลังจากนั้นก็มีอาการผมร่วง ร่วงเป็นแพเลย หลังจากนั้นก็ไปหาหมอเพราะเจ็บคอกับเจ็บลิ้นจนทนไม่ได้ ผมก็ขับรถไปโรงพยาบาล แต่อั๋นเปลี่ยนโรงพยาบาลนะ ลองไปโรงพยาบาลอื่น เขาก็ตรวจ เราก็เล่าทุกอย่าง ตรวจใหญ่กันเลย ความสงสัยของคุณหมอ พูดตรง ๆ เลยนะเขาตรวจมะเร็งเลย พอเขาเอาผลเลือดมาปุ๊บ เค้าก็นั่งเงียบไปแป๊ปหนึ่ง แล้วเค้าก็สั่ง ทำนี่ต่อเลย แล้วก็เข้า CT สแกน เรื่องใหญ่มาก เขาบอกว่า cancel ทุกอย่างเลยนะ เพราะอยากตรวจให้จบ อั๋นไม่ตกใจขวัญและกำลังใจดีมาก ฉันโอเค ก็โทรไปบอกว่าหาคนแทนพรุ่งนี้ด้วยนะ ขออีกวันหนึ่งนะ เขาบอกว่าพรุ่งนี้ต้องมาฟังผล CT สแกน ไม่เจออะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว เขาก็พูดว่า ผมรู้ว่าคุณทรมาน แต่ผมจะ congratulation คือคุณไม่มีอะไรเลยของความเสี่ยงที่จะป่วย หมอคือระดับอาจารย์นะ หมอมีชื่อเสียงมาก แล้วนั่งคอมพิวเตอร์ แล้วนั่งคลิก ๆ นานมาก จนบอกว่าคุณหมอครับนี่เราทำอะไรกันอยู่ คือมันไม่มีการพูดอะไรเลย หมอบอกว่าหมอไม่รู้ว่าหมอจะส่งคุณอั๋นไปตรวจต่ออะไร เขาไม่รู้ว่าจะส่งเฉพาะทางอะไร เพราะมันไม่มี sign อะไรเลย นอกจากมีไอ้ก้อนนี้ แต่ก้อนนี้เค้าก็ตอบว่า จากก้อนนี้เป็นก้อนเลือด แปลว่าคุณมีเลือดออกข้างใน แต่มันแห้งแล้ว แล้วมีหินปูนเกาะ แปลว่ามันต้องเกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้ว อั๋นก็พูดกับหมอแบบนี้ หมอผมไม่ได้จะเถียง แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่ก้อนนี้อยู่ตรงนี้มาหลายเดือนแล้วผมไม่รู้ หมอบอกว่า แต่การที่มันมีหินปูนมาเกาะ แปลว่ามันอยู่มานาน แต่ไม่มีอันตราย แล้วคุณหมอก็ให้อั๋นกลับบ้านโดยที่ไม่มียาแม้แต่เม็ดเดียว

แต่เราป่วยขนาดนี้ ?

อั๋น ภูวนาท : ไม่มียาอะไร ผมต้องการยาคุณหมอ ยาอะไรก็ได้ ทรมานมาก เขาบอกว่าคุณไม่ป่วยอะไรเลย เค้าบอกว่าเป็นการอักเสบ และเขาก็ส่องทำทุกอย่างแล้วบอกว่าอักเสบ แต่เป็นการอักเสบที่ไม่มีเชื้อโรค คือไม่ได้เกิดจากไวรัสหรือแบคทีเรีย ก็ไม่รู้ว่าจะสั่งยาฆ่าอะไร เพราะยาแก้อักเสบมันต้องไปฆ่าอะไรสักอย่างหนึ่ง พี่เชื่อไหมว่าอั๋นไปแบบนี้ 3 โรงพยาบาล เรียงวันเลยพูดเหมือนกันหมด ที่อั๋นไม่จบ เพราะอยู่ไม่ได้ ไปหาหมอจีน ไปหาหมอทางเลือกแบบโฮลิสติกไปหมดเลย ไม่มียาอะไรมาให้กินเลยสักเม็ดเดียว อั๋นก็ยังไปทำอีเว้นท์อีก เป็นแบบงานใหญ่ เราก็ฮึบได้ แต่คนที่ทำงานกับเรา Organizer เขารู้ว่านี่ไม่ปกติ คุณอั๋นไม่ปกติ พี่ป่วยมากเลย แล้วปรากฏว่าเจ้าของ Organizer อีเว้นท์อันนั้นเป็นหมอ เขาบอกว่าผมขอนัดอาจารย์ผมได้ไหม ก็เลยไปเจอกับอาจารย์หมอเขาอยู่โรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง อั๋นก็เล่าทุกอย่างให้ฟัง เขาก็บอกว่าขอตรวจเลือดอีกทีหนึ่งยกแผง พอเจาะเสร็จปุ๊บ บอกว่าโอเคอย่างเดียวที่ผมจะหา ณ ตอนนี้คือผมจะหาซากของแบคทีเรียไมโครพลาสมา ถ้าหากว่าไม่เจอแปลว่าสันนิษฐานผิดตั้งแต่วันแรก แล้วนี่จะเป็นเรื่องใหญ่แล้ว เขานั่งดูทุกอย่างที่ผมตรวจมา แล้วบอกว่านี่ตรวจครอบจักรวาลนะ ไม่รู้จะตรวจอะไรแล้ว ไม่เจออะไรเลยจริง ๆ ในที่สุดสิ่งที่เขาเจอก็คือเจอว่ามันเป็นไมโครพลาสมาจริง ๆ โชคดีคือแปลว่ารักษาถูกต้องตั้งแต่วันแรก

แต่เราจะต้องทรมานกับสิ่งนี้ ?

อั๋น ภูวนาท : จนถึงทุกวันนี้อั๋นเอฟเฟคกับมันอยู่ แต่มันดีขึ้นเรื่อย ๆ ผื่นมันหายหมด ผื่นค่อย ๆ หายหมด แล้วก็อาการเจ็บนิ้วอะไรต่าง ๆ หาย แล้วก็เจ็บลิ้นเจ็บคอหาย ทุกอย่างหายหมด แต่จนถึงทุกวันนี้ผมยังไม่หยุดร่วง 

เพราะทำงานหนักมากและไม่นอน ?

อั๋น ภูวนาท : สิ่งที่คุณหมอพูด คือไมโครพลาสมา ไม่ได้เป็นเชื้อที่น่ากลัวเลยและปกติแล้วไม่ติดในผู้ใหญ่ติดยากมาก แล้วสิ่งที่อั๋นทำทันทีเลย คือเลิกเลย 2 รายการ ตัดออกเลย บางคืนอั๋นจะเข้านอน 21:00 น. ซึ่งเมื่อก่อนไม่มี แต่ตอนนี้คือเข้าด้วยความเต็มใจเลย

กินอะไรเพื่อเป็นการดูแลตัวเองบ้าง ?

อั๋น ภูวนาท : คิดว่าเป็นคนกินดี อย่างเดียวในชีวิตที่ดีมากที่ภูมิใจ แล้วกล้าพูดคือเป็นคนกินดี กินด้วยสติมาก แรงบันดาลใจหลักของการเป็นคนตั้งใจกินคือพี่พี่ตั๊กนะ อั๋นกินข้าวน้อย อั๋นกินแป้งน้อย กินเส้นน้อย กินไข่ขาว ไม่กินไข่แดง จะกินแค่วันเว้นวันอะไรอย่างงี้  ไม่กินหวาน

มีอาหารเสริมอะไรไหม ?

อั๋น ภูวนาท : กินอาหารเสริมน้อยมากครับ แต่ว่าตัวหนึ่งซึ่งกินจริง ๆ นะครับ คือโปรไบโอติก คือ ณ วันนี้คิดว่าทั้งโลกรับรู้แล้วว่ามันดี เพียงแต่ว่าเรามักจะรู้สึกว่าไม่ขาดหรอก มันมีอยู่ในร่างอยู่ละ แต่ปัจจุบันนี้เรากินสิ่งที่ประหลาดมาก แล้วเราก็ใช้ชีวิตกันแบบผิดเพี้ยนไปมาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราเคยคิดว่าร่างกายมันมีอยู่แล้ว มันไม่เหมือนเดิม มันเสียสมดุลไปเยอะมาก เพราะฉะนั้นโปรไบโอติกรู้สึกว่าเป็นการดูแลตัวเองที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติที่สุด เราไม่ได้กินยา ไม่ได้กินสารเคมี เรากินจุลินทรีย์ คือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ซึ่งแบ่งเป็นคนดีกับคนไม่ดี ถ้าหากว่าเรากินจุลินทรีย์ที่ไม่ดีมันทำให้เราป่วย ถ้าเรากินจุลินทรีย์ที่ดีมันทำให้เราหายป่วย แล้วถ้าร่างกายมี 2 อย่างนี้ไม่สมดุล แล้วตัวร้ายอธรรมชนะ เราก็แพ้ไง เพราะฉะนั้นมันคือการสร้าง balance ไม่มีคำว่าจุลินทรีย์ดี มีเยอะเกินไป แต่ถ้าจุลินทรีย์ไม่ดีมีเยอะเกินไปอันนี้คือร่างเราพัง เพราะฉะนั้นการกินโปรไบโอติกคือการเติมจุลินทรีย์ตัวดีทำให้สมดุลเกิดขึ้นในลำไส้ และลำไส้คือสมองที่ 2 ลำไส้คือจุดศูนย์กลางทั้งหมดในการสร้างภูมิคุ้มกันและภูมิต้านทานให้ร่างกาย อันนี้ชัดเจนมาก แล้วตอนที่อั๋นป่วยใน 3 เดือน แล้วไม่มียาอะไร หมอไม่รู้จะจ่ายยาแก้อักเสบตัวไหนให้ อันนี้คือสาบานได้เลยนะว่าเค้าพูดอย่างงี้เลย  คุณกินโปรไบโอติก แล้วอย่าเพิ่งรีบกลืน อมไว้ในปากก่อน แบบเป็นผง ก่อนกลืนอมไว้ในปากสัก 30 วินาที เพราะตอนเริ่มของการรักษาอั๋นกินแอนติไบโอติก คือยาปฏิชีวนะที่ฆ่าโปรไบโอติกไง ลงไปปุ๊บมันฆ่าแบคทีเรียทั้งดีและไม่ดี ตายหมด ต้องไปหามาเพิ่มมาใหม่ เพราะฉะนั้นแปลว่าช่วงที่ผ่านมาทุกอย่างในชีวิตอั๋นเป๋ไปหมด เพราะอะไร เพราะว่าอั๋นได้กวาดจุลินทรีย์ดีไปด้วย

ทำไมถึงคิดว่าโปรไบโอติก จะช่วยเราแล้วมันช่วยยังไง ?

อั๋น ภูวนาท : คือรู้สึกว่ามันเป็นศาสตร์ที่เหมือนธรรมชาติ อั๋นเป็นคนกินยาน้อยมาก จะพยายามว่ากินยาให้น้อยที่สุด เอาสารเคมีน้อยที่สุด แต่โปรไบโอติกกล้ากิน เพราะว่ารู้ว่าไม่มีเคมีเลยนะนี่คือเติมจุลินทรีย์ดี ไล่จุลินทรีย์ดีไปแก้ ซึ่งโปรไบโอติกจริง ๆ ก็จะมีหลายสายพันธุ์

สามารถติดตาม  "Tuck Talk"  ได้ที่ช่องทาง Podcast : Life Dot , Facebook: Life Dot , Youtube : Life Dot  วันพฤหัสบดี (สัปดาห์เว้นสัปดาห์) เวลา 18.00 น.

คลิกชมรายการย้อนหลัง  : https://www.youtube.com/watch?v=ByraTNPUHRo&t=150s

แชร์ข่าว