ข่าวเศรษฐกิจ

ปรับภาษีบุหรี่อัตราเดียว: Quick Big Win ที่ทำได้ในช่วงรัฐบาลรักษาการ

แชร์ข่าว

ท่ามกลางบริบททางการเมืองหลังการยุบสภา บทบาทของรัฐบาลรักษาการมักถูกมองว่ามีข้อจำกัดในการขับเคลื่อนนโยบายใหม่ๆ อย่างไรก็ดี หากพิจารณาอย่างรอบคอบ ยังมีนโยบายเชิงโครงสร้างบางประการที่สามารถดำเนินการได้ภายใต้กรอบกฎหมายเดิม ไม่ผูกพันงบประมาณระยะยาว และให้ผลลัพธ์เชิงบวกอย่างชัดเจน หนึ่งในนั้นคือ การปรับภาษีบุหรี่เป็นอัตราเดียว ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Quick Big Win Policy ของ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ที่มุ่งเน้น “ทำเร็ว เห็นผลชัด และสร้างประโยชน์เชิงระบบ”

ก่อนหน้านี้ นายพรชัย ฐีระเวช อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตเตรียมนำเสนอการปรับปรุงโครงสร้างภาษีบุหรี่ซิกาแรตให้เป็นระบบภาษีแบบอัตราเดียว (Single Tax Rate) เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ภายในเดือนมกราคม 2569 เพื่อแก้ปัญหาการบิดเบือนด้านราคาที่ทำให้เกิดการทดแทนการบริโภคระหว่างบุหรี่ราคาถูกและแพง และส่วนหนึ่งยังหันไปหาสินค้าทดแทนอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในพิกัดภาษีสรรพสามิต อาทิ บุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งการลักลอบนำเข้า ซึ่งส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้จากภาษีบุหรี่

โครงสร้างภาษีบุหรี่แบบสองอัตราที่ใช้ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดปัญหาในหลายมิติ และมีการทำการศึกษาเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ภาษีอัตราเดียวอยู่เสมอ แต่ก็ยังไม่สามารถดำเนินการให้สำเร็จได้ จนทำให้ปัญหาจากโครงสร้างภาษีที่ซับซ้อนยังคงอยู่ ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบใน 4 มิติสำคัญ ได้แก่

•     การบิดเบือนกลไกตลาด: เมื่อบุหรี่ราคาประหยัดในเทียร์ล่างเสียภาษีต่ำกว่า ผู้ผลิตจึงลดราคาสินค้าลงมาแข่งกันในตลาดล่าง ส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปซื้อบุหรี่ราคาประหยัดมากขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันสัดส่วนบุหรี่ราคาสูงเหลือเพียง 5% ของตลาดเท่านั้น

•     รัฐสูญเสียรายได้อย่างมหาศาล: การลดราคาเพื่อเลี่ยงเพดานภาษีสูง ทำให้รัฐจัดเก็บรายได้ลดลง มีการประเมินว่าตลอด 8 ปีที่ผ่านมา รัฐสูญเสียรายได้ไปกว่า 70,000 ล้านบาท

•     ความล้มเหลวทางสาธารณสุข: การใช้ภาษี 2 อัตรา และมีการปรับขึ้นอัตราภาษีอย่างต่อเนื่องไม่ได้ทำให้จำนวนผู้สูบบุหรี่ไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2567 พบว่ามีผู้สูบบุหรี่ที่อายุ 15 ปีขึ้นไปถึง 9.8 ล้านคน ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนหน้าในปี 2564 เพียงราว 1 แสนคนเท่านั้น

•    ปัญหาการกำกับดูแล: การมีโครงสร้างหลายอัตราบังคับให้รัฐต้องใช้ทรัพยากรบุคลากรและงบประมาณจำนวนมากในการตรวจสอบ แยกแยะ และป้องกันการเลี่ยงภาษี ทั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตหรือสมยอมระหว่างผู้ประกอบการกับเจ้าหน้าที่รัฐ

ผลกระทบที่เกิดขึ้นสะท้อนผ่านตัวเลขความสูญเสียทางเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพอย่างชัดเจน การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบภาษีอัตราเดียวจึงเป็นทางออกเชิงโครงสร้างที่จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จ หัวใจสำคัญของนโยบายนี้คือการทำให้ระบบภาษีมีความเรียบง่าย โปร่งใส และลดแรงจูงใจในการหลบเลี่ยงด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้เข้าข่ายภาษีต่ำ กลไกราคาที่เปิดกว้างจะทำให้การแข่งขันในตลาดเป็นธรรมมากขึ้น และยังช่วยลดภาระของเจ้าหน้าที่รัฐในการกำกับดูแลและตรวจสอบการสำแดงราคาเพื่อเลี่ยงภาษี ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่มักนำไปสู่ปัญหาการทุจริตในระบบ

โครงสร้างภาษีบุหรี่แบบอัตราเดียวไม่ใช่เรื่องใหม่ที่รัฐบาลรักษาการจะเริ่มขึ้นเองตามลำพัง แต่เป็นภารกิจต่อเนื่องที่มีมติคณะรัฐมนตรีรองรับไว้แล้วตั้งแต่ปี 2564 และ 2565 ที่กำชับให้กระทรวงการคลังเร่งศึกษารายละเอียดเพื่อมุ่งสู่ระบบอัตราเดียวให้เร็วที่สุด และหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงการคลังได้ทำการศึกษาไว้หลายครั้งแล้ว และผลการศึกษาก็ชี้ไปในทางเดียวกันว่าโครงสร้างแบบอัตราเดียวคือทางออกที่เหมาะสม และเป็นสากลมากที่สุด การตัดสินใจผลักดันเรื่องนี้ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองจึงถือเป็นการแสดงภาวะผู้นำที่ยึดเอาประโยชน์สาธารณะและเสถียรภาพทางการคลังเป็นที่ตั้ง มากกว่าการหวังผลทางการเมืองเฉพาะหน้า

ท้ายที่สุด การปรับภาษีบุหรี่อัตราเดียวคือโอกาสสำคัญที่จะสร้าง “ชัยชนะระยะสั้นที่มีความหมายระยะยาว” ตามแนวคิด Quick Big Win ของ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ หากสามารถดำเนินการได้สำเร็จภายใต้อำนาจที่มีอยู่ จะเป็นการพิสูจน์ว่ารัฐบาลรักษาการสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่จับต้องได้ ทั้งในด้านการเพิ่มรายได้รัฐ การสร้างความเป็นธรรมในระบบเศรษฐกิจ และการปกป้องสุขภาพของประชาชนอย่างยั่งยืน

ข่าวแนะนำ