ข่าวเศรษฐกิจ

“ตรีนุช” เปิดตัว JOB HUNTER หน่วยล่างาน ดันนโยบาย “คนไทยต้องมีงานทำ” ตั้งเป้า 1.5 แสนตำแหน่งใน 4 เดือน

แชร์ข่าว

"ตรีนุช" เปิดตัว JOB HUNTER หน่วย-ล่า-งาน สานต่อ โครงการ “คนไทยต้องมีงานทำ” หางานให้คน สร้างคนให้งาน ตั้งเป้า 150,000 อัตรา ใน 4 เดือน

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดตัวนโยบายระดับชาติ “คนไทยต้องมีงานทำ” อย่างเป็นทางการ เดินหน้าปฏิบัติการครั้งใหญ่เพื่อแก้ปัญหาการไม่มีงานทำ ซึ่งเป็นหนึ่งในโจทย์สำคัญและกระทบต่อความมั่นคงของประชาชนไทยในทุกมิติ พร้อมตั้งเป้าหมาย จัดหาตำแหน่งงานให้ได้กว่า 150,000 อัตราภายใน 4 เดือน ผ่านความร่วมมือของทุกภาคส่วน และระบบการจัดหางานรูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศ

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัญหาคนไทย “ไม่มีงานทำ” ส่งผลมากกว่าการไม่มีรายได้ ซึ่งไม่ใช่เพียงตัวเลขทางเศรษฐกิจ แต่เป็นสัญญาณความเปราะบางของสังคม เพราะ การตกงานคือการไร้รายได้ ไร้ความมั่นคง และอาจนำไปสู่ปัญหาตามมาอีกมากมาย ตั้งแต่ปัญหาครอบครัว ความรุนแรงในสังคม ปัญหายาเสพติด กระทั่งการถูกล่อลวงโดยกลุ่มสแกมเมอร์ที่กำลังเป็นภัยระดับโลก ซึ่งเมื่อขาดงาน ก็ขาดโอกาส ขาดความหวัง และอาจตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมได้ง่าย ดังนั้น สิ่งที่ประชาชนต้องการจึงไม่ใช่แค่ตัวเลขการจ้างงาน แต่คือความมั่นคงในชีวิต ซึ่งกระทรวงแรงงานจึงต้องตอบโจทย์นี้ให้ได้

นางสาวตรีนุช เทียนทอง กล่าวเพิ่มเติมว่า "คนไทยต้องมีงานทำ" ไม่ใช่แค่คำสวยหรู แต่เป็นความรับผิดชอบของพวกเราที่ต้องร่วมมือกันทำเพื่อคนไทยที่ต้องการทำงาน “คนไทยต้องมีงานทำ” ไม่ใช่การหา ‘ตำแหน่งงานว่าง’ มาเติมตัวเลข แต่คือการสร้างรากฐานใหม่ให้ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน “งาน” ยังต้องการคน “คน” ก็ต้องการงาน หน้าที่เราคือสร้างความลงตัวให้กับสมการในข้อนี้ นโยบายใหม่ต้องใช้พลังร่วมทั้งระบบ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา โดยอาศัยการเป็นพันธมิตรร่วมกันทุกภาคส่วนในการเป็นกลไกขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อสร้างสมดุลระหว่าง “อุปสงค์–อุปทาน” ของตลาดแรงงานไทย โดยมีกรมการจัดหางานเป็นแกนกลางเชื่อมโยงข้อมูลนายจ้าง ทักษะแรงงาน และความต้องการของประชาชน

ทั้งนี้ ภารกิจนี้จะขับเคลื่อนผ่านศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย ด้วย 4 มิติเชิงรุก ได้แก่ 1) เร่งจัดหาตำแหน่งงานว่าง (Job Hunting) 2) จับคู่ทักษะกับงาน พร้อมอบรม Upskill–Reskill 3) ส่งเสริมการทำงานต่างประเทศในตลาดรายได้ดีและสวัสดิการมาตรฐาน 4) วัดผลด้วยคุณภาพงาน ความมั่นคงของอาชีพ และการเข้าถึงของทุกกลุ่ม รวมถึงบัณฑิตจบใหม่ ผู้สูงอายุ และผู้พิการ

นางสาวตรีนุช ระบุว่า ไฮไลต์สำคัญคือเปิดตัว "ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย" 87 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงงานได้ง่ายขึ้น โดยกระทรวงแรงงานจะเปิดให้บริการ ศูนย์จัดหางานเพื่อคนไทย ทั้งหมด 87 แห่ง ดังนี้ ส่วนกลาง 11 แห่ง ประกอบด้วย สำนักงานจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 1–10 จุดบริการภายในบริเวณกระทรวงแรงงาน 1 แห่ง และส่วนภูมิภาค 76 แห่ง ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมี ตำแหน่งงานว่างพร้อมรองรับทันที จำนวน 61,399 อัตรา ทั้งภาคการผลิต ค้าปลีก โลจิสติกส์ ดิจิทัล ท่องเที่ยว และบริการ โดยตั้งเป้าหมายทั่วประเทศ 1,000 อัตรา ต่อวัน และกำหนดเป็นตัวชี้วัด KPI สำหรับจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศด้วย

"กรมการจัดหางาน จะทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการส่งเสริมการมีงานทำแก่ประชาชน ทั้งการประสานนายจ้างเพื่อขอตำแหน่งงานว่าง สนับสนุนการประกอบอาชีพอิสระ ส่งเสริมการฝึกอบรม Upskill - Reskill ให้บริการข้อมูลตลาดแรงงาน และติดตามผลการบรรจุงาน จากนายจ้างและสถานประกอบการ โดยมีผลดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 จนถึงปัจจุบัน ได้สร้างงาน สร้างอาชีพ ทำงานในประเทศบรรจุงานผ่านกรมการจัดหางาน แล้ว 42,000 คน คิดเป็นรายได้เฉลี่ย 7,560 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ได้จัดส่งแรงงานไทย ไปทำงานต่างประเทศแล้วกว่า 17,000 คน สร้างรายได้ 12,240 ล้านบาท ต่อปี " นางสาวตรีนุช กล่าว

โดยภายหลังการแถลงข่าว ได้มีภาคเอกชน เช่น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)  บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) และบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) ได้ยืนยันว่า ได้นำตำแหน่งงานมาเชื่อมโยงกับกรมการจัดหางาน มากกว่า 3,000 อัตราด้วย

ข่าวแนะนำ