นายกฯอนุทิน นำแถลง “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์” เผยผลปราบอาชญากรรมไซเบอร์ 7,044 คดี คืนเงินผู้เสียหายกว่า 312 ล้านบาท ผ่านโครงการ Money Cash Back
วันที่ 10 พ.ย.68 ที่ห้องประชุมแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรม ตม. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการแถลงข่าวการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์” United Thailand Against Scammers โดยมี นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย รอง ผบ.ตร. ประกอบด้วย พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์, พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง, พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร และผู้ช่วย ผบ.ตร., รองจเรตำรวจแห่งชาติ, ผู้บัญชาการและผู้แทนหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมงาน
ตามที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ยกระดับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็น “วาระแห่งชาติ” และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้ยกระดับงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นงานสำคัญ ที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน และได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยในสังกัดระดมสรรพกำลังทำการป้องกันและปราบปราม ในทุกมิติอย่างเข้มข้น
ในส่วนของการปราบปรามมีผลการปฏิบัติที่จะนำมาประชาสัมพันธ์ในการแถลงข่าว “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์” United Thailand Against Scammers ในวันนี้ สรุปได้ดังนี้
ได้ทำการระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยในการระดมกวาดล้างครั้งล่าสุดในห้วงตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2568 (รวม 13 วัน) มีผลการจับกุม รวม 7,044 คดี ผู้ต้องหา 7,174 คน ดังนี้
1. จับกุมคดีสำคัญที่เป็นองค์กรเครือข่าย รวม 90 คดี ผู้ต้องหา 315 คน
2. จับกุมคดี 14 ประเภท รวม 2,580 คดี ผู้ต้องหา 2,432 คน
3. จับกุมคดีเกี่ยวกับซิมผี บัญชีม้า รวม 795 คดี ผู้ต้องหา 759 คน
4. จับกุมอุปกรณ์การสื่อสารผิดกฎหมาย เช่น SIMBOX, False base station รวม 11 คดี ผู้ต้องหา 7 คน
5. สำรวจเสาส่งสัญญาณ และสายสัญญาณอินเทอร์เน็ตบริเวณแนวชายแดนทั่วประเทศ แยกเป็น เสาส่งสัญญาณ จำนวน 1,575 จุด และ สายสัญญาณอินเทอร์เน็ต จำนวน 105 จุด เพื่อส่งข้อมูลใน กสทช.ทำการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย
6. ตรวจสอบโกดังสินค้าในทุกพื้นที่ ที่มีความเชื่อมโยงกับขบวนการหลอกลวงส่งสินค้าโดยที่ประชาชนไม่ได้สั่งซื้อจริง หรือได้รับสินค้าไม่ตรงกับที่โฆษณาไว้ ซึ่งเป็นประเภทคดีที่มีผู้เสียหายมากที่สุดในขณะนี้
7. ติดตามเงินคืนให้กับผู้เสียหาย (Money Cash Back) ได้รวม 234 ราย และจับกุมผู้ต้องหาได้ 224 คน โดยในวันนี้มีผู้เสียหายเดินทางมารับเงินคืนในงานแถลงข่าว รวมจำนวน 31 ราย เป็นเงินรวม 14,604,248 บาท (ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มโครงการ Money Cash Back กุมภาพันธ์ 2568-ปัจจุบัน สามารถคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้ 322 ราย เป็นจำนวนเงินรวม 312,014,202.15 บาท)
8. สกัดกั้นคนไทยที่จะเดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปร่วมขบวนการ Scammer ได้ 123 ครั้ง 201 คน
9. ปฏิบัติการขยายผลเส้นทางการเงินต้องสงสัยจากศูนย์ War Room รวม 128 ราย ผู้ต้องหา 133 คน
10. มีการระดมจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยในห้วงวันที่ 1 – 8 พฤศจิกายน 2568 (รวม 8 วัน) จับกุมได้ 965 คน
11. จับกุมคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น การพนันออนไลน์, จำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ ฯลฯ จำนวน 3,083 คดี ผู้ต้องหา 3,103 คน
12. สืบสวนจับกุมเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม สื่อออนไลน์ช่องทางต่างๆ ที่โฆษณาเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ โดยเน้นจับกุมผู้จัดให้มีการเล่นและผู้ประกาศโฆษณาชักชวน โดยเฉพาะอินฟูลเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง และขยายผล ยึดและอายัดทรัพย์สิน โดยในห้วงวันที่ 1 – 8 พฤศจิกายน 2568 (8 วัน) จับกุมผู้จัดให้มีการเล่นและผู้โฆษณาชักชวนบนสื่อออนไลน์ ได้ 22 ราย ผู้ต้องหา 27 คน (ทั้งนี้ ในห้วงวันที่ 1 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2568 ในภาพรวมมีการจับกุมเครือข่ายการพนันออนไลน์รายใหญ่ 26 ราย ผู้ต้องหา 196 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน 41,720,000 บาท)
13. ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอปิดกั้นเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม สื่อออนไลน์ช่องทางต่างๆ ที่โฆษณาชักชวนหรือเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ รวมทั้งที่กระทำผิดกฎหมายอื่นๆ เช่น ยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า อาวุธปืน โดยในห้วงวันที่ 1 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2568 เสนอปิดกั้นที่เกี่ยวกับการพนันออนไลน์และที่กระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ดังนี้
1-31 ต.ค. 68 : ปิดเว็บไซต์การพนันออนไลน์ 22,416 URL, ปิดแพลตฟอร์มการพนันออนไลน์และที่ผิดกฎหมายอื่นๆ (Facebook/YouTube/X/TikTok/Line) 4,984 ครั้ง
1-5 พ.ย.68 : ปิดเว็บไซต์การพนันออนไลน์ 15,978 URL, ปิดแพลตฟอร์มการพนันออนไลน์และที่ผิดกฎหมายอื่นๆ (Facebook/YouTube/X/TikTok/Line) 3,818 ครั้ง รวม ปิดเว็บไซต์การพนันออนไลน์ 38,394 URL, ปิดแพลตฟอร์มการพนันออนไลน์และที่ผิดกฎหมายอื่นๆ (Facebook/YouTube/X/TikTok/Line) 8,802 ครั้ง
การแถลงข่าวผลการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์ United Thailand Against Scammers” ได้แบ่งพื้นที่งานออกเป็น 5 โซน คือ
1. War Room (ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์)
2. การคืนเงินให้กับผู้เสียหาย (โครงการ Money Cash Back)
3. ผลการป้องกันปราบปรามที่มีความสำคัญและความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
3.1) ผลการปฏิบัติที่สำคัญของกองบัญชาการต่างๆ ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
3.2) เครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ “เตือนภัยไซเบอร์” เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันภัยในโลกออนไลน์
3.3) ความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ
4. บรรยายพิเศษเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์
5. นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน
โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. War Room (ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์) มีการยกระดับการปฏิบัติงานของ War Room โดยได้เชิญเจ้าหน้าที่ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ประกอบการธนาคาร, ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์, สำนักงาน ก.ล.ต., สำนักงาน ปปง., สำนักงาน กสทช. มาร่วมปฏิบัติงานประจำที่ War Room ทุกวัน เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนและการปราบปรามเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น สามารถระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเหยื่อที่ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกโดนหลอก สามารถจับกุมคนร้ายได้ในทันทีทันใด และติดตามเงินคืนให้กับผู้เสียหายได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
2. การคืนเงินให้กับผู้เสียหาย (โครงการ Money Cash Back) เป็นผลต่อเนื่องมาจากการปฏิบัติงานของศูนย์ War Room โดยเมื่อศูนย์ฯ ตรวจพบเส้นทางการเงินที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือมีความผิดปกติ จะมีการสั่งการให้ธนาคารระงับธุรกรรมทางการเงินชั่วคราว และสั่งการให้ชุดปฏิบัติการตำรวจทั้งส่วนกลางและพื้นที่รับผิดชอบรีบเข้าไปตรวจสอบ หากตรวจพบการกระทำความผิดจะอายัดเงินของคนร้ายที่หลอกลวงไปนำกลับมาคืนเงินให้กับผู้เสียหาย
3. ผลการป้องกันปราบปรามที่มีความสำคัญและความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
3.1) ผลการปฏิบัติที่สำคัญของกองบัญชาการต่างๆ ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 34 คดี
3.2) เครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ “เตือนภัยไซเบอร์” เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันภัยในโลกออนไลน์
- แอปพลิเคชัน “Cyber Check” โดยประชาชนสามารถดาวน์โหลดได้จาก App store และ Google Play เพื่อตรวจสอบกรณีสงสัยว่าอาจจะเป็นมิจฉาชีพมาหลอกลวงหรือไม่ โดยนำข้อมูล ได้แก่ หมายเลขโทรศัพท์, เลขที่บัญชีธนาคาร, Website, Facebook, Line, TikTok และ SMS เข้าไปตรวจสอบเบื้องต้นได้ ซึ่งปัจจุบันมีประชาชนเข้ามาใช้ แอปพลิเคชั่น Cyber Check แล้ว มากกว่า 300,000 คน และมีการปรับปรุงข้อมูลในระบบให้เป็นปัจจุบันตลอดเวลา
- “Cyber Vaccine” โดยวิเคราะห์แผนประทุษกรรมรูปแบบใหม่ๆ ของคนร้ายที่นิยมใช้ในปัจจุบัน และจัดทำเป็นสื่อเตือนภัยลงใน Facebook เพจ “ตำรวจไซเบอร์” เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประชาสัมพันธ์ “เตือนภัยไซเบอร์”
3.3) ความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ
- หน่วยงานภายในประเทศ ประกอบด้วย ภาคการเงิน ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย, สมาคมการค้าผู้ให้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ไทย (TEPA), สมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (TDO), Binance, True Money ภาคโทรคมนาคม ได้แก่ ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ AIS, TRUE / DTAC, 3BB
- หน่วยงานภายนอกประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย ประกอบด้วย FBI, Homeland Security Investigation (HSI), U.S. Secret Service, UNODC, Australian Federal Police, German Federal Criminal Police Office, Korean National Police Agency
- แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ ได้แก่ LINE, TIKTOK
4. บรรยายพิเศษเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
5. นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยกระดับในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นและบังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในความมุ่งมั่นตั้งใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อปราบปรามและสกัดกั้นอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือกลุ่มแก๊งหลอกลวงออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ (สแกมเมอร์) รวมทั้งเครือข่ายการพนันออนไลน์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อพี่น้องประชาชนและระบบเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในขณะนี้
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอขอบคุณหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานรวมทั้งการแจ้งเบาะแสต่างๆ และร่วมเป็นกำลังสำคัญในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีด้วยดีตลอดมา พวกเราทุกคนขอยืนยันว่าจะทำงานด้วยความโปร่งใส เข้มแข็ง และมุ่งมั่น เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความผาสุกและความปลอดภัยในสังคมออนไลน์ของประชาชนทุกคน








