วันที่ 10 พ.ย.2568 เมื่อเวลา 12.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด บริเวณห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะที่ปฎิบัติภารกิจลาดตระเวนเส้นทาง ส่งผลให้มีทหารบาดเจ็บ 2 นาย ว่า ตนรับทราบเหตุการที่เกิดขึ้นแล้ว ชัดเจนว่าตนเห็นด้วยและสนับสนุนการดำเนินการของกระทรวงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพในเรื่องนี้ สิ่งที่ดำเนินการมาโดยตลอด ณ ตอนนี้ จะหยุดจนกว่าจะมีความชัดเจน ตนจะแจ้งไปยังกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ว่าต้องทำตามสิ่งที่ประเทศไทยต้องการเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เราคิดว่าความเป็นปฏิปักษ์ที่คิดว่าจะลดลงไปต่อความมั่นคงของชาติมันไม่ได้ลด เมื่อไม่ได้ลด เราจะดำเนินการอะไรนอกเหนือจากนี้ไม่ได้
เมื่อถามว่าหมายรวมไปถึงการส่งตัว ทหารกัมพูชาที่ถูกทางการไทยควบคุมตัวอยู่ 18 คนด้วยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถูกต้องครับทุกอย่างต้องหยุด เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงใช่หรือไม่นายอนุทินตอบว่ารายละเอียด จะให้รมว.กลาโหมและกองทัพออกมาชี้แจงสิ่งที่ตนยืนยันกับท่าน ให้ท่านว่าไปเลย ตนอยู่กับท่าน ตามท่านทุกอย่าง
เมื่อถามว่า วันที่ 11 พ.ย. จะลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี หันกลับมาตอบว่า "ต้องไปสิ ทหารของเราถึงขั้นขาขาด"
ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลยอมรับไม่ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีสนับสนุนในการดำเนินการทุกอย่างแก่กองทัพและการดำเนินการตามข้อตกลง Joint declaration ที่ดำเนินมาแล้วกว่า 1 สัปดาห์ ให้หยุดไปก่อนดังนั้นการดำเนินการ ที่มีความกังวลว่า จะมีการปล่อยเชลยศึกในวันที่ 12 พฤศจิกายน นั้น เรื่องนี้ก็ต้องหยุดไปก่อนเช่นกัน ดังนั้นขอให้ประชาชนได้มีความมั่นใจว่ารัฐบาลไม่มีการอ่อนข้อ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ กับประเทศกัมพูชา และยืนยันว่าสิ่งที่รัฐบาลมุ่งหวัง คือให้ประเทศ โดยเฉพาะพื้นทีชายแดนกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ให้เร็วที่สุด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ความเป็นปฏิปักษ์ไม่ได้ลดลง ดังนั้นการดำเนินการใดๆที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาต้องหยุดชะงักและต้องมาเคลียร์เรื่องนี้ก่อน
เมื่อถามว่าจะหยุดการดำเนินการตามข้อตกลง Joint declaration แบบไม่มีกำหนดหรือไม่นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ตอนนี่ยังไม่มีกำหนด จนพอจะมีการพูดคุย แต่จะบอกว่าไม่มีกำหนดก็กว้างเกินไป หลังจากนี้เมื่อมีการประท้วงกันแล้ว ก็ต้องมาดูว่าจะต้องมีการดำเนินการต่อไปอย่างไร ซึ่งตอนนี้ต้องหยุดไปก่อน จนกว่าจะมีการเคลียร์เรื่องการเหยียบทุ่นระเบิด
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่ากัมพูชาไม่ได้ดำเนินการตามข้อตกลงและเป็นการเล่นนอกเกมใช่หรือไม่ นายสิริพงศ์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือหนึ่งในนั้นส่วนที่เหลือก็ขอให้ไปฟังรายละเอียดจากฝ่ายความมั่นคง แต่นี่คือท่าทีของรัฐบาล
ส่วนต้องมีการชี้แจงเรื่องนี้ต่อนานาชาติหรือไม่ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ปกติกลไกในการประท้วงก็ต้องมีการอยู่แล้ว ต้องแจ้งกลุ่มผู้สังเกตการณ์ที่เป็นต่างชาติอยู่แล้ว








