วันนี้ (24 ต.ค. 68) เวลา 14.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประชุมติดตามสถานการณ์สาธารณภัย (Situation Awareness Team : SAT) เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง เร่งระบายน้ำ ให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย และฟื้นฟูพื้นที่ให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว ส่วนในพื้นที่ภาคใต้ ให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ โดยติดตามสภาพอากาศและปริมาณน้ำอย่างต่อเนื่อง หากประเมินแล้วมีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำล้นตลิ่ง ให้รีบประสาน ปภ. ทำการแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast ไปยังประชาชน เพื่ออพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยอย่างทันท่วงที ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงกำชับให้มีการบริหารจัดการเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่ภาคใต้ เข้าประจำจุดเสี่ยงในพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง เพื่อให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็ว โดยมีผู้แทนกรมอุตุนิยมวิทยา สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนัก/กองส่วนกลาง ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เข้าร่วมประชุม ณ ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ภาคเหนือบางจังหวัดและพื้นที่ภาคกลางบริเวณลุ่มเจ้าพระยาที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำบริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเป็นบริเวณกว้าง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้จัดส่งทีมชุดปฏิบัติการ ปภ. พร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย เข้าให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนเกิดสถานการณ์มาจนถึงปัจจุบัน โดยได้บูรณาการหน่วยงานในพื้นที่ปฏิบัติงานเร่งระบายน้ำ ให้การช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัย รวมถึงเข้าฟื้นฟูพื้นที่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและทำให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์สภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ทำให้พื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปริมาณฝนลดลง แต่ฝนจะไปตกหนักถึงหนักมากขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องด้วยมรสุมพัดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนกลางถึงตอนล่าง ทำให้มีฝนตกชุกและอาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และ น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ภาคใต้ได้ ปภ. จึงได้ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้อย่างใกล้ชิด โดยได้กำหนดให้มีการประชุมติดตามสถานการณ์สาธารณภัย (Situation Awareness Team : SAT) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกสัปดาห์ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ หากพบปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน ปภ. จะทำการแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบในช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะการแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast เพื่อให้ประชาชนทราบและสามารถอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยอย่างทันท่วงที รวมถึงกำชับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่ภาคใต้บริหารจัดการและกระจายเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำจุดเสี่ยงในพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง เพื่อให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
พร้อมกันนี้ ปภ. ได้เน้นย้ำให้พื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัย ให้ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งการดูแลด้านการดำรงชีพและการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน จนเริ่มมีน้ำเน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็น โดยได้ประสานหน่วยงานด้านสาธารณสุข ดำเนินการแจกจ่าย EM หรือจุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย รวมถึงการเฝ้าระวังโรคฉี่หนู โรคน้ำกัดเท้า ซึ่งอาจทำให้ประชาชนมีอาการเจ็บป่วยได้
สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้จังหวัดประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เร่งสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน พร้อมดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับการช่วยเหลือและเยียวยาโดยเร็วที่สุด โดยปัจจุบันคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 ที่เกิดสถานการณ์ขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 68 เป็นต้นมา ในพื้นที่ 65 จังหวัด 685,554 ครัวเรือน กรอบวงเงิน6,169.98 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยเป็นค่าดำรงชีพเบื้องต้นแก่ครอบครัวผู้ประสบภัย เป็นกรณีพิเศษ โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือในอัตราครัวเรือนละ 9,000 บาท โดยเร่งดำเนินการลงทะเบียนผู้ประสบอุทกภัย จัดให้มีการประชาคม การประชุม ก.ช.ภ.อ. และ ก.ช.ภ.จ. และส่งข้อมูลที่ผ่านการรับรองให้ ปภ. เป็นระยะ โดยไม่ต้องรอดำเนินการให้เสร็จสิ้นในคราวเดียว
ส่วนพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงจังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่จะมีฝนตกถึงหนักมากเพิ่มขึ้นในพื้นที่ในห้วงต่อไป ปภ. จึงได้ประสานให้จังหวัดเฝ้าระวัง ประเมินสถานการณ์ และแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านทุกช่องทาง จัดเตรียมแผนเผชิญเหตุ การเพิ่มประสิทธิภาพการะบายน้ำ กำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยการเดินเรือ การดูแลสถานที่ท่องเที่ยว การจัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัย/ศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับการอพยพประชาชนให้เพียงพอ หากเกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้นในพื้นที่ ให้จังหวัดดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ โดยจัดทีมปฏิบัติการ ปภ. เข้าให้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ตลอดจนกำชับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย สำรวจและจัดเตรียมอุปกรณ์และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมใช้งาน รวมถึงจัดทีมปฏิบัติการให้พร้อมออกปฏิบัติการทันทีที่ได้รับการประสานขอรับความช่วยเหลือจากจังหวัดที่เกิดสถานการณ์ภัย เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
นอกจากนี้ หากพื้นที่ใดต้องการสนับสนุนทรัพยากรจาก ปภ. เพิ่มเติม ขอให้จังหวัดสำรวจปัญหาและความต้องการในพื้นที่เสี่ยงภัย กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา และวางแผนการขอรับสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยไว้เป็นการล่วงหน้า และให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ตรวจสอบความพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้มีความพร้อมในการใช้งาน สามารถสนับสนุนจังหวัดในพื้นที่ที่รับผิดชอบได้ทันที พร้อมรายงานผลการปฏิบัติงานเป็นประจำทุกวันจนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรของ ปภ. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและรายงานเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์ ข่าวสารสาธารณภัย ได้ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews รวมถึงติดตามการประกาศแจ้งเตือนภัยได้ทางแอปพลิเคชัน “Thai Disaster Alert” และหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง //////////







