ดนตรี/รุ่งฟ้า ลิ้มหัสนัยกุล
ผ่านไปยังไม่หมดเดือนตุลาคมดี มีนักร้อง-นักดนตรีหลายรายจากไป ส่วนใหญ่เป็นเพราะอาการเจ็บป่วยที่เรื้อรังมานาน และบางคนก็จากไปอย่างกะทันหัน
เริ่มต้นเดือนด้วยการจากไปของผู้ร่วมก่อตั้ง เดอะ ยาร์ดเบิร์ดส์ (The Yardbirds) วงบลูส์-ร็อกอังกฤษที่เป็นเสมือนต้นอ่อนอันทรงพลังอย่างยิ่ง ด้วยการมีมือกีตาร์ระดับตำนานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เอริค แคลปตัน, เจฟฟ์ เบ็ค และ จิมมี่ เพจ
คริสโตเฟอร์ วาเลนที เดรยา คือชื่อที่คนรู้จักน้อยกว่า คริส เดรยา เกิดในครอบครัวโปแลนด์อพยพ เริ่มเล่นกีตาร์ตั้งแต่ยังวัยรุ่น ปี 1963 เขากับ แอนโธนี่ ท็อปแฮม และ คีธ เรล์ฟ, พอล แซมเวลล์-สมิธ และ จิม แม็คคาร์ธี่ ทำวง เดอะ เมโทรโพลิแทน บลูส์ ควอร์เท็ท (The Metropolitan Blues Quartet) ที่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น เดอะ ยาร์ดเบิร์ดส์
คริส เดรยา (คนซ้าย) ขอบคุณเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/jimmypage
จากนั้นก็มีการหมุนเวียนสมาชิก เริ่มด้วย แคลปตัน เข้ามาแทน ท็อปแฮม จากนั้น เบ็ค เข้ามาแทน แคลปตัน ส่วน เพจ เข้ามาเล่นเบสแทน แซมเวลล์-สมิธ ก่อนเปลี่ยนไปเล่นกีตาร์ ตอนนั้นเองลีดกีตาร์คู่ของ เบ็ค กับ เพจ ถือกำเนิดขึ้น ไม่นานจากนั้น เบ็ค ออกจากวงไปอีกคน วงเดินหน้าต่อโดยมี เพจ เล่นกีตาร์โซโล่ ส่วน เดรยา เปลี่ยนไปเล่นเบส มีอัลบั้มออกมาชุดหนึ่งไม่ประสบความสำเร็จ และวงก็ถึงเวลาเลิกรากันไปในกลางปี 1968 เดรยา กลับมาเล่นดนตรีอีกครั้งตอนทศวรรษ 1980 ทำวง บ็อกซ์ ออฟ ฟรอกส์ (Box of Frogs) และกลับไปทำวง ยาร์ดเบิร์ดส์ อีกครั้งในทศวรรษถัดมา มี Birdland เป็นอัลบั้มวางจำหน่ายในปี 2002
ระหว่างเล่นดนตรี เดรยา ยังสนใจการถ่ายภาพ และประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ นอกจากภาพการทัวร์อเมริกาของ ยาร์ดเบิร์ดส์ เขายังถ่ายภาพศิลปินดังๆ หลายคน อาทิ แอนดี้ วอร์ฮอล, บ็อบ ดีแล่น, เดอะ ไรเชียส บราเธอร์ส, ไอค์ แอนด์ ทินา, เลด เซพพลิน (Led Zeppelin) เป็นต้น
คนต่อมาเป็นนักร้องและมือเบสชาวเมืองเบอร์มิงแฮม จอห์น ลอดจ์ จากไป “อย่างกะทันหัน” ในวัย 82 ปีตามคำประกาศของครอบครัว เขาเข้าร่วมวง เดอะ มูดี้ บลูส์ (The Moody Blues) เมื่อปี 1966 ร่วมกับ จัสติน เฮย์เวิร์ธ, เดนนี่ เลน และ คริส วอริค มีส่วนร่วมกับผลงานขึ้นหิ้งของวงมากมาย รวมทั้งเพลง “Night in White Satin” และอัลบั้ม Days of Future Passed, In Search of the Lost Chord, On the Threshold of A Dream, To Our Children’s Children’s Children, A Question of Balance, Every Good Boy Deserves Favour และ Seventh Sojourn ซึ่งล้วนแต่แสดงให้เห็นพัฒนาการของวงจากไซคีเดลิคค่อยๆ ขยับเปลี่ยนเป็นโปรเกรสซีฟ-ร็อกเต็มรูปแบบ เดอะ มูดี้ บลูส์ มีอัลบั้มต่อเนื่องเรื่อยมาจนปี 2003 โดยมีอัลบั้มรวมเพลงคริสต์มาสเป็นงานชุดสุดท้าย
อายุแค่ 51 ปีเท่านั้นเองสำหรับ ไมเคิล ยูจีน อาร์เชอร์ หรือ ดี’แอนเจโล (D’Angelo) นักร้อง-นักแต่งเพลงอาร์แอนด์บีที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงทศวรรษ 1990 เปิดตัวสวยงามกับอัลบั้มแรก Brown Sugar มี “Lady” เป็นเพลงฮิตติดอันดับ 10 ในชาร์ตฮอต 100 เพลงนี้ยังถูกเสนอชื่อเข้าชิง แกรมมี่ หลายรางวัลด้วย แต่มาได้รางวัล แกรมมี่ สองสาขาจาก Voodoo อัลบั้มชุดต่อมา น่าเสียดายที่เขามีปัญหาเรื่องติดเหล้าและเกือบเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อปี 2005 เขาหวนคืนวงการดนตรีอีกเก้าปีถัดมากับอัลบั้ม Black Messiah ได้รางวัลอัลบั้มอาร์แอนด์บียอดเยี่ยมจาก แกรมมี่ ในปี 2016
น่าเสียดายที่ความสามารถของเขาเปล่งประกายได้ไม่เต็มที่ มีสตูดิโออัลบั้มเพียงสามชุดเท่านั้นเอง และน่าเสียดายยิ่งขึ้นอีกเมื่อมีข่าวว่าเขากำลังทำอัลบั้มชุดที่ 4 กับ ราฟาเอล ซาดิก (Raphael Saadiq)
เอซ เฟรห์ลี่ย์ (Ace Frehley) เป็นอีกคนที่จากไปอย่างกะทันหัน หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุล้มในห้องบันทึกเสียงเมื่อเดือนก่อน
พอล แดเนี่ยล เฟรห์ลี่ย์ รู้จักกันมากกว่าในชื่อ เอซ เฟรห์ลี่ย์ มือกีตาร์และผู้ร่วมก่อตั้งวงแกลม-ร็อกดัง คิสส์ (Kiss) ร่วมกับ พอล สแตนลี่ย์, ยีน ซิมมอนส์ และ ปีเตอร์ คริสส์ เมื่อปี 1973 นอกจากฝีไม้ลายมือการเล่นดนตรี พวกเขายังโดดเด่นด้วยการสร้างบุคลิกของสมาชิกแต่ละคน การแต่งเนื้อแต่งตัวด้วยชุดหนังติดหมุดแวววาว รองเท้าส้นตึก และสวมวิก เช่นเดียวกับการเขียนหน้าตาด้วยสีดำ-ขาว มีเพลงดังมากมายไม่ว่าจะเป็น “Rock and Roll All Nite”, “God of Thunder” และ “Beth” ที่ติดอันดับ 7 บนชาร์ต บิลล์บอร์ด เขาออกจากวงไปในปี 1982 และกลับมาอีกครั้งในปี 1996 เพื่อออกทัวร์จนถึงปี 2002
คนสุดท้ายอายุน้อยสุด แซม ริเวอร์ส มือเบสและสมาชิกรุ่นก่อตั้งวงนู-เมทัลดังแห่งปลายทศวรรษ 1990 ชื่อ ลิมพ์ บิซกิท (Limp Bizkit) ร่วมกับ เฟร็ด เดิร์สต์, จอห์น อ็อตโต, ดีเจ. เลธัล และ เวส บอร์แลนด์ เมื่อปี 1994 ผสมผสานฮิป-ฮอปกับดนตรีร็อกและเนื้อเพลงที่อุดมด้วยคำหยาบ มีส่วนอย่างมากในการสร้างเสียงใหม่ให้วงการเพลง และช่วยให้ดนตรีเฮฟวี่เป็นที่นิยมในกระแสหลักได้ กับอัลบั้มอย่าง Significant Other, Chocolate Starfish and the Hot Dog Flavored Water และเพลงฮิต “Take A Look Around” กับ “Rollin' (Air Raid Vehicle)” ริเวอร์ส เคยได้รับรางวัลมือเบสยอดเยี่ยมปี 2000 จาก กิ๊บสัน อะวอร์ด (Gibson Award) เขาออกจากวงไปเมื่อปี 2015 ด้วยโรคตับจากการดื่มมากเกินไป แต่เขาก็เคยให้สัมภาษณ์กับ ลาวด์ไวร์ (Loudwire) ไว้ว่า “ผมเลิกดื่มเด็ดขาด ทำทุกอย่างที่หมอสั่ง ได้รับการปลูกถ่ายไตใหม่ ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆ”
น่าเสียดายที่เขาจากไปด้วยอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ในวัยแค่ 48 ปีเท่านั้น
ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/officialacefrehley, https://www.instagram.com/limpbizkit








