วันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม.เปิดเผยมาตรการเชิงรุกในการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหายาเสพติด รวมถึงการใช้และการจำหน่ายพืชกระท่อมหรืออาหารที่มีส่วนผสมของใบกระท่อมบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษาสังกัด กทม. โดย สนศ. ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภายในและภายนอกที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มแข็ง อาทิ สำนักงานเขต สำนักป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด และสำนักอนามัย (สนอ.) เพื่อมุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรับรู้ถึงโทษ พิษภัย และผลกระทบของยาเสพติดทุกชนิด ซึ่งรวมถึงน้ำกระท่อม กัญชา และกัญชง ให้แก่นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา และผู้ปกครอง
ทั้งนี้ โรงเรียนในสังกัด กทม. ได้จัดกิจกรรมลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง ชุมชน และผู้ประกอบการร้านค้ารอบโรงเรียน พร้อมประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้งดจำหน่ายอาหาร ขนม และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของใบกระท่อม เพื่อป้องกันอันตรายและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นกับนักเรียน ควบคู่ไปกับการติดตามดูแลพฤติกรรมของนักเรียนกลุ่มเสี่ยงอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และวางแผนรับมือปัญหาอย่างรอบด้าน
นอกจากมาตรการป้องกันเชิงรุกแล้ว สนศ. ยังได้ส่งเสริมให้โรงเรียนในสังกัด กทม. ดำเนินโครงการและกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ภายใต้มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด 5 มาตรการหลัก ได้แก่ การเฝ้าระวัง การป้องกัน การบำบัดรักษา การบังคับใช้กฎหมาย และการบริหารจัดการ โดยเน้นย้ำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ "ปลอดยาเสพติดและใบกระท่อม" มีการจัดแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย และมีการสั่งห้ามจำหน่าย หรือโฆษณาอาหาร ขนม และเครื่องดื่มที่มีใบกระท่อมเป็นส่วนผสมภายในโรงเรียนสังกัด กทม. อย่างเด็ดขาด
พร้อมกันนี้ สนศ. ได้ส่งเสริมโครงการ TO BE NUMBER ONE ในโรงเรียนสังกัด กทม. ทั้ง 437 โรงเรียน เพื่อให้เยาวชนได้ใช้ความสามารถและความถนัด แสดงออกภายใต้แนวคิด "เด็กคิด เด็กทำ เด็กนำ ผู้ใหญ่หนุน" ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ดนตรี ศิลปะ ทักษะอาชีพ ร้องเพลง การเป็นมัคคุเทศก์ หรือการเป็นจิตอาสา ซึ่งช่วยสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้เยาวชนห่างไกลจากยาเสพติดและสิ่งเสพติดทุกชนิด
อีกทั้งยังร่วมกับสำนักงานเขตลงพื้นที่ดูแลนักเรียน และได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกและเฝ้าระวังบริเวณหน้าโรงเรียนในช่วงเวลาเช้าและเย็น เพื่อสร้างความปลอดภัยในทุกมิติ โดยเน้นการขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในโรงเรียนสังกัด กทม. อย่างต่อเนื่อง ผ่านการมีส่วนร่วมของนักเรียนและชุมชน เพื่อให้เยาวชนมีภูมิคุ้มกันตนเองและห่างไกลยาหรือสารเสพติดทุกชนิด
ด้าน นายปิยะ พูดคล่อง ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ (สนท.) กทม. เปิดเผยถึงการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะในชุมชน สถานศึกษา และสถานประกอบการว่า กทม. ได้ยึดตามประกาศกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดสถานที่ วิธีการ หรือลักษณะต้องห้ามในการขายใบกระท่อม พ.ศ. 2568 ซึ่งมีสาระสำคัญที่ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ได้แก่ (1) ห้ามขายใบกระท่อม หรือน้ำต้มใบกระท่อมในสถานที่ซึ่งตั้งอยู่ในระยะ 1,000 เมตร (1 กิโลเมตร) จากสถานศึกษาทุกแห่ง และ (2) ห้ามขายในลักษณะการเร่ขาย เช่น หาบเร่ รถเข็น รถยนต์เร่ขาย หรือการตั้งแผงลอยในที่ หรือทางสาธารณะ
นายปิยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศกระทรวงฯ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท อย่างไรก็ตาม การจำหน่ายใบกระท่อมในลักษณะการเร่ขาย หรือการตั้งแผงลอยในที่สาธารณะนั้น ถือเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการรักษาความสะอาด ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ กทม. โดยมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่เนื่องจากอัตราโทษตามประกาศกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงสาธารณสุขมีอัตราโทษที่สูงกว่า กทม. จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เทศกิจดำเนินการกล่าวโทษตามอำนาจหน้าที่ และแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามประกาศฯ ที่มีโทษสูงกว่าต่อไป
ปัจจุบัน สนท. และสำนักงานเขตมีการตรวจพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ และได้มีการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล สถานีตำรวจนครบาลท้องที่ และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร่วมกันออกตรวจและบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ โดยเจ้าหน้าที่เทศกิจของ สนท. และฝ่ายเทศกิจของสำนักงานเขตจะออกตรวจบริเวณสถานศึกษาและพื้นที่ใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้มีการขาย หรือจำหน่ายใบกระท่อม หรือน้ำต้มใบกระท่อม หากพบการฝ่าฝืนจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ โรงเรียนในสังกัด กทม. ยังได้รับประโยชน์จากโครงการ “เทศกิจอาสาจราจร” ที่ออกปฏิบัติหน้าที่หน้าโรงเรียนเป็นประจำทุกวันที่มีการเรียนการสอน เพื่อสร้างความปลอดภัยในพื้นที่