รศ. ดร.ชลวิทย์ เจียรจิตต์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ,ผศ. ดร.พิทักษ์ จันทร์เจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต และ ผศ. ดร.คณกร สว่างเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา นำเสนอบทความ เรื่อง "มหาวิทยาลัยในยุค AI ขาดสายสนับสนุนไม่ได้" ระบุว่า
ปัจจุบันสถาบันอุดมศึกษาต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการเข้ามาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั้งด้านการบริหารจัดการ การวิจัย การเรียนการสอน การออกแบบหลักสูตร หรือแม้แต่ผู้เรียนที่ไม่เหมือนเดิม ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากอิทธิพลของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและขับเคลื่อนการทำงานให้รวดเร็วขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้มหาวิทยาลัยสามารถปรับตัวและก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคงไม่ใช่การมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเท่านั้น แต่ต้องอาศัย “บุคลากรสายสนับสนุน” ที่พร้อมจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจของมหาวิทยาลัยทุกมิติ
จากความร่วมมือของอธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต และมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ที่จัดอยู่ในมหาวิทยาลัยกลุ่มที่ 3 กลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนอื่น ได้รวบรวมและวิเคราะห์ความคิดเห็นของบุคลากรสายสนับสนุน จำนวน 144 คน ที่เก็บข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยแบบสัมภาษณ์ระหว่างวันที่ 20-28 กันยายน 2568 ทำให้ได้ข้อค้นพบที่น่าสนใจหลายประการ ดังนี้
บทบาทของสายสนับสนุนมหาวิทยาลัยมักถูกมองว่าเป็นงานเบื้องหลังหรือฝ่ายตั้งรับ แต่ในความจริงแล้วบุคลากรสายสนับสนุนมหาวิทยาลัยเป็นผู้ที่สร้างความมั่นคงและความต่อเนื่องให้แก่องค์กร เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้มหาวิทยาลัยดำเนินงานไปอย่างราบรื่นในทุกงาน ตั้งแต่งานด้านการจัดการข้อมูล การบริหารงานเอกสาร การประสานงานระหว่างหน่วยงาน การบริการนักศึกษา ไปจนถึงการสนับสนุนคณาจารย์และนักวิจัย
การบูรณาการ AI ในงานสายสนับสนุนช่วยยกระดับบทบาทของบุคลากรจาก “ผู้ปฏิบัติงาน” ไปสู่ “ผู้ประสานงานเชิงยุทธศาสตร์” ซึ่งไม่ใช่การรับคำสั่งและการดำเนินการตามกระบวนการ แต่ยังมีบทบาทในการเสนอแนวทาง คัดกรองข้อมูล วิเคราะห์ และสร้างความเชื่อมโยงเพื่อให้การตัดสินใจระดับองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น การมีสายสนับสนุนที่แข็งแกร่งคือหัวใจของการตั้งรับต่อความเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงในยุค AI
ในยุคปัญญาประดิษฐ์ บุคลากรสายสนับสนุนไม่ใช่แค่ “สนับสนุน” เท่านั้น แต่เป็นแรงผลักดันสำคัญของมหาวิทยาลัย โดยใช้ AI ในการจัดการเอกสาร สรุปเนื้อหา เขียนรายงาน วิเคราะห์ข้อมูล และประสานงานด้านการสื่อสาร ทำให้งานที่เคยใช้เวลานานสามารถเสร็จสิ้นได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้มหาวิทยาลัยสามารถลดต้นทุนด้านเวลาและทรัพยากร พร้อมทั้งเพิ่มคุณภาพของผลงานที่ได้
ที่สำคัญ การนำ AI มาประยุกต์ใช้ยังช่วยให้สายสนับสนุนก้าวสู่บทบาทใหม่ คือผู้ตรวจสอบ ผู้กำกับดูแล และผู้ประสานงานเชิงนวัตกรรม แทนที่จะเป็นเพียงผู้ปฏิบัติงานซ้ำ ๆ ความสามารถในการใช้ AI ช่วยทั้งลดภาระงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมหาวิทยาลัย ในด้านคุณภาพมาตรฐานสากล การให้บริการนักศึกษา และการสนับสนุนงานวิจัยที่ต้องการความแม่นยำและความรวดเร็ว
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนของบุคลากรสายสนับสนุนในมหาวิทยาลัยก็คือ ความยืดหยุ่นสูงและพร้อมจะปรับตัวให้ก้าวทันต่อเทคโนโลยีใหม่ บุคลากรสายสนับสนุนเรียนรู้ได้หลายวิธี ทั้งการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านสื่อออนไลน์ การทดลองใช้งานจริง การเข้าร่วมอบรม และการเรียนรู้ร่วมกับเพื่อนร่วมงาน ทัศนคติที่มองว่า AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่คู่แข่ง ทำให้บุคลากรสายสนับสนุนก้าวทันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่หวั่นไหวต่อกระแสการถูกแทนที่
นอกจากนี้ ความสามารถในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่โดดเด่นของสายสนับสนุน ทำให้บุคลากรสายสนับสนุนไม่ได้เรียนรู้เพื่อใช้งานอย่างเดียว แต่ยังเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองและเสริมสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ให้แก่องค์กร มหาวิทยาลัยสามารถมั่นใจได้ว่าทุกการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีจะมีผู้ที่พร้อมปรับตัวและผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้า
แม้ AI จะนำมาซึ่งประโยชน์มากมาย แต่บุคลากรก็ตระหนักถึงความท้าทายสำคัญ ได้แก่ ความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูล โดยเฉพาะปรากฏการณ์ "AI Hallucination" ความปลอดภัยและการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล และความเป็นธรรมในการประมวลผลและการตัดสินใจ รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียเอกลักษณ์และความหลากหลาย
มหาวิทยาลัยในยุค AI จะคงอยู่ต่อไปต้องอาศัยศักยภาพของสายสนับสนุน เพราะแม้ AI จะสามารถทำงานแทนมนุษย์ในหลายมิติ แต่การจัดการด้านจริยธรรม การพิจารณาความถูกต้องของข้อมูล การดูแลความเป็นธรรม และการรักษาเอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัยยังต้องอาศัยมนุษย์เป็นผู้ควบคุม
ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการศึกษา มหาวิทยาลัยต้องตระหนักว่าเทคโนโลยีอย่างเดียวไม่ได้ทำให้สถาบันก้าวสู่ความยั่งยืนแต่ต้องอาศัยบุคลากรสายสนับสนุนที่ทำหน้าที่เชื่อมโยง จัดการ ดูแล และขับเคลื่อนทุกกลไกของมหาวิทยาลัยให้เดินหน้าไปพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนแปลง
“มหาวิทยาลัยในยุค AI ขาดสายสนับสนุนไม่ได้” นับว่าเป็นคำกล่าวที่เป็นความจริง ทุกมิติของการทำงานสายสนับสนุนคือแรงขับเคลื่อนที่ทำให้มหาวิทยาลัยยืนหยัด เติบโต สร้างสรรค์ และเป็นผู้นำในโลกแห่งการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง อนาคตของมหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของ “คน” ที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลง และสายสนับสนุนคือกำลังหลักที่ทำให้ทุกวิสัยทัศน์เกิดขึ้นจริง
#มหาวิทยาลัยในยุคAI #บุคลากรสายสนับสนุน #การศึกษาไทย #อุดมศึกษาไทย #AIเพื่อการศึกษา #เทคโนโลยีกับการเรียนรู้ #DigitalUniversity #การปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล