วันที่ 14 ต.ค.68 นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ “เสียงแห่หลอนชายแดน : เข้าข่าย “การทรมานทางจิตใจ” หรือไม่?” ผ่านเฟซบุ๊ก วัส ติงสมัคร ระบุว่า...
ช่วงกลางคืนวันที่ 10 - 13 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า ทีมงานของ “กัน จอมพลัง” ได้นำรถแห่ติดตั้งเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ไปเปิดเสียง “หอนคล้ายผี” และ “เสียงเครื่องบิน” บริเวณชายแดนจังหวัดสระแก้ว จนทำให้ชาวกัมพูชาในหมู่บ้านฝั่งตรงข้ามแตกตื่นตกใจ
เหตุการณ์นี้ถูกตั้งคำถามทางกฎหมายว่า —
“เข้าข่ายการทรมานทางจิตใจ (mental torture)” ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ซึ่งสอดคล้องกับอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ (CAT) ที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกหรือไม่?
ผู้เขียนมีความเห็นดังนี้
1)ตามกฎหมายไทย
การกระทำทรมานจะมีความผิดอาญา หากกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นเกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรงแก่ร่างกายหรือจิตใจ เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ (1) ให้ได้มาซึ่งข้อมูลหรือคำรับสารภาพจากผู้ถูกกระทำหรือบุคคลที่สาม (2) ลงโทษผู้ถูกกระทำเพราะเหตุอันเกิดจากการกระทำหรือสงสัยว่ากระทำของผู้นั้นหรือบุคคลที่สาม (3) ข่มขู่หรือขู่เข็ญผู้ถูกกระทำหรือบุคคลที่สาม หรือ (4) เลือกปฏิบัติไม่ว่ารูปแบบใด
และผู้กระทำต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ (มาตรา 5)
โดยมีโทษเริ่มต้นตั้งแต่จำคุก 5 ปีถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 300,000 บาท
2) ตามกฎหมายระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี
“การทรมาน” หมายถึง การกระทำใด ๆ โดยเจตนาที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานอย่างสาหัส (severe pain or suffering) ไม่ว่าทางร่างกายหรือทางจิตใจ ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพื่อความมุ่งประสงค์ที่จะให้ได้มาซึ่งข้อสนเทศหรือคำรับสารภาพ
— และที่สำคัญ ต้องเป็นการกระทำ “โดยความยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ” (ข้อ 1 วรรค 1 ของอนุสัญญาฯ)
3) เมื่อปรับข้อเท็จจริงแล้ว
กรณีนี้ แม้จะมีการกระทำโดยเจตนาเพื่อ “ทำให้ผู้อื่นตกใจหรือหวาดกลัว” แต่ผู้กระทำไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ
และผลที่เกิดขึ้นเป็นเพียง “ความตกใจ” ชั่วคราว ยังไม่ถึงขั้น “ทุกข์ทรมานทางจิตใจอย่างร้ายแรง”
ทั้งไม่มีการกระทำใดๆ โดยมีวัตถุประสงค์ตาม (1) ถึง (4) ของมาตรา 5 ตามกฎหมายไทย หรือข้อ 1 วรรค 1 ของกฎหมายระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก
ดังนั้น กรณีจึงยังไม่ครบองค์ประกอบของการกระทำทรมานตามกฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก
4) การที่คนสัญชาติไทยนำข้อความอันเป็นเท็จของทางการกัมพูชาที่กล่าวหาว่า หน่วยทหารแห่งราชอาณาจักรไทยได้กระจายเสียงดังกล่าวมาเผยแพร่ต่อ และอยากฟังว่ารัฐบาลไทยจะชี้แจงเรื่องนี้อย่างไรในเวทีระดับโลกนั้น มีเหตุอันควรสงสัยหรือไม่ว่า “ตัวเป็นไทย แต่ใจเป็นเขมร”
วัส ติงสมิตร
นักวิชาการอิสระ
14/10/68
#วัสติงสมิตร #เสียงผี #การเมืองไทย #ใจเป็นเขมร #ดราม่าการเมือง #Siamrath #ข่าวการเมือง