เกมชี้ชะตาเขตแดน! “ณัฐพงษ์” ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ถามกระทู้ “สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” อย่างดุเดือด ถึงการจัดทำ ประชามติยกเลิก MOU 2543-2544 ยกโพลประชาชนไม่เข้าใจเนื้อหา หวั่นกระบวนการให้ข้อมูลไม่รอบด้าน อาจทำให้กัมพูชารู้ข้อมูลฝ่ายไทย “รมว.ต่างประเทศ” ยืนยันว่าเรื่องอธิปไตยต้องทำ "รอบคอบ และชัดเจน" เผย “บวรศักดิ์” จะเป็นหัวหอกประชุมเพื่อวางขั้นตอนประชามติในสัปดาห์หน้า
วันที่ 9 ต.ค.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง เป็นประธานในที่ประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯถามนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เกี่ยวกับการทำประชามติยกเลิก MOU 43 -44 โดยอ้างอิงนิด้าโพลที่พบว่าประชาชนร้อยละ 69 ที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับ MOU ทั้ง 2 ฉบับ และมีความเห็นส่วนใหญ่ได้ทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งจะต้องใช้บัตร 4 ใบ โดยถามว่า 1.รัฐบาลมีแผนการจัดทำประชามติอย่างไรเพื่อให้การออกเสียงประชามติการยกเลิก MOU ไม่ขัดต่อกฎหมายประชามติ ที่การออกเสียงประชามติต้องไม่ชี้นำ และรัฐบาลกับ กกต. ต้องดำเนินการให้ข้อมูลให้ความรู้และแสดงความคิดเห็นอย่างรอบด้านทั่วถึง และกัมพูชาจะไม่รู้ข้อเสียเปรียบและข้อได้เปรียบของไทย 2.หากมีการยกเลิก MOU รัฐบาลจะมีมาตรการป้องกันความเสียหายอย่างไร หรือมีมาตรการใดที่ดีกว่า MOU ทั้ง 2 ฉบับ ในการปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรองรับผลกระทบ และป้องกันกรณีเอกชน เซ็นสัญญาสัมปทานขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเอาเรื่องไปฟ้องอนุญาโตตุลาการเรียกค่าเสียหายกับประเทศไทย และ 3. หากรัฐบาลเดินหน้าจัดทำประชามติที่สุ่มเสี่ยงขัดต่อกฎหมาย และอาจมีผู้ร้องว่ากระบวนการทำประชามติไม่เป็นไปตามกฏหมาย ทำให้ประชามติเป็นโมฆะ รัฐบาลจะเดินหน้าต่อจริงหรือไม่
นายสีหศักดิ์ ชี้แจงว่า MOU เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับอธิปไตยเขตแดน และประชาชนควรมีส่วนในการแสดงความเห็นในการดำเนินกา จึงเป็นที่มาของการทำประชามติ ส่วนวิธีการดำเนินการต้องให้เป็นไปด้วยความรอบคอบ ศึกษาให้ดี เพราะเป็นเรื่องสำคัญ และมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ยืนยันการให้ข้อมูลข่าวสาร การเยียวยากับภาคเอกชนที่รัฐบาลต้องคำนึงถึง ที่จะต้องพิจารณาให้ดี และในสัปดาห์หน้านายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีจะประชุมในเรื่องนี้ โดยน้อมรับข้อคิดเห็นของผู้นำฝ่ายค้านที่จะหารือในรายละเอียด คำนึงถึงทุกประเด็นที่อาจจะเกิดขึ้น หากมีความชัดเจนแล้วถึงแผนการในการดำเนินการ จะมาชี้แจงที่รัฐสภาครั้งหนึ่ง
“ MOU เป็นผลประโยชน์ที่สำคัญของประเทศเกี่ยวกับเขตแดนและอธิปไตย ส่วนการทำประชามตินั้น ยืนยันหากจะทำต้องมีความรอบคอบ และจะต้องมีความชัดเจนว่าหากไม่มี MOU แล้วจะมีอะไรเป็นทางเลือก เพื่อไม่ให้ผลประโยชน์ของประเทศได้รับผลกระทบและความเสียหาย กระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญ ถึงแผนรองรับหากไม่มี MOU อะไรคือทางเลือกที่จะปกป้องรักษาผลประโยชน์ ส่วนการเยียวยาคิดว่ามีรายละเอียดมากมาย แต่คิดว่าอะไรที่เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมและกระทบจากการยกเลิก MOU จะต้องให้การเยียวยากับผู้ที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากสิทธิอันชอบธรรมดังกล่าวได้รับผลกระทบ”รมว.ต่างประเทศ กล่าว
นายณัฐพงษ์ ถามต่อว่า การใช้กระแสนิยมถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในประเทศไทย สิ่งที่ทุกคนต้องการคือประโยชน์สูงสุดของประเทศ แต่สิ่งที่ต้องการคือการใช้ประเด็นเรื่องนี้เรียกกระแส และทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่ไม่สามารถย้อนกลับแก้ไขปัญหาได้ เช่น กัมพูชาล่วงรู้ข้อมูล ข้อได้เปรียบเสียเปรียบ ประเทศไทยเดินเกมต่างประเทศที่ผิดพลาด และสุดท้ายกัมพูชานำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลโลก โดยทราบดีว่า รัฐมนตรีรู้ว่าอะไรคือทางออกที่ถูกต้อง เพียงแต่ในวันนี้ท่านอยู่ในคณะรัฐมนตรี เลยทำให้ท่านมีอุปสรรคบางอย่างที่ท่านตอบไม่ได้ตรงๆ แต่สิ่งที่คาดหวังกับรัฐมนตรีโดยตรง ในขณะที่ประชาชนคนไทยคาดหวังระบบการเมืองที่ดี ที่บุคคลดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เป็นเทคโนแครต เป็นนักการทูต ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้มาจากการต่อรองโควตาตำแหน่งทางการเมือง สิ่งที่อยากได้ยินตอบ
"ขอคำยืนยันในฐานะดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีคำพูดที่มีน้ำหนักและการให้ความเห็นต่อ ครม. ชุดนี้ ยืนยันได้หรือไม่ว่าท่านเห็นด้วยหรือ ที่จะต้องมีการยกเลิก MOU 2 ฉบับ เห็นด้วยจริงๆ หรือไม่ว่าการทำประชามติเป็นกระบวนการที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ หรือหากไม่เห็นด้วย หรือไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจน ขอคำยืนยันได้หรือไม่ ว่าจะนำเสนอข้อคิดเห็นของท่าน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อที่จะเบรคฝ่ายการเมือง เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อใช้กระแสชาตินิยม เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ จึงต้องการให้ยืนยันเจตจำนงในเรื่องนี้ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร"นายณัฐพงษ์ กล่าว
รมว.ต่างประเทศ กล่าวยืนยันว่าเรื่องการต่างประเทศ เป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติ และหลายครั้งต้องไม่นำมาเป็นประเด็นทางการเมือง และเรื่องนี้ต้องอภิปรายอย่างจริงจัง หากจะตอบอะไรก็ต้องการให้ตอบอย่างมั่นใจ จึงต้องการให้มีการพูดคุยในรายละเอียด โดยคำนึงถึงประเด็น ที่ได้ตั้งข้อสังเกตมา ในกระบวนการพิจารณาของรัฐบาลยืนยันได้ และยืนยันว่าสำหรับตนเรื่องของผลประโยชน์ของประเทศชาติ และเรื่องกระบวนการประชาธิปไตย ที่รัฐบาลจะต้องทำ ตามการแถลงต่อรัฐสภาก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ หากสภามีประเด็นอะไรก็พร้อมที่จะมาชี้แจง เมื่อมีแผนที่ชัดเจนก็พร้อมมาชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง