วันที่ 9 ตุลาคม 2568 นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา Thailand Economic Outlook 2026 “Out of The Trap” หัวข้อ “Thailand’s Opportunities & Challenges” ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ โดยระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันเต็มไปด้วยความผันผวนจากทั้งปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) สงครามการค้า และการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างเศรษฐกิจ ทำให้ไทยต้องเร่ง “ปรับตัวอย่างรวดเร็ว” เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้น
นางศุภจี กล่าวว่า โลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงใน 4 เทรนด์สำคัญ ได้แก่ 1. De-globalization การกระจายตัวของห่วงโซ่อุปทานและการลดการพึ่งพา ,2. De-carbonization การขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ที่ไทยต้องเร่งปรับตัว โดยเฉพาะมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป ,3.Digitalization การเปลี่ยนผ่านด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ซึ่งอาจเป็นทั้ง “โอกาสและอุปสรรค” และ4.Demographics โครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ ส่งผลต่อกำลังแรงงานและศักยภาพการผลิต
รมว.พาณิชย์ ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% แต่ปัจจุบันลดเหลือราว 2% และคาดว่าปี 2568 จะเติบโตเพียง 1.8–2.3% พร้อมเตือนว่า เงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ที่ -0.76% ในเดือนกันยายน 2568 ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเงินฝืด หากไม่เร่งกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศ ถ้าเราไม่เปลี่ยน เราแย่แน่นอน แนวคิดหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกระทรวงพาณิชย์ คือ “กระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว” ผ่าน 3 ยุทธศาสตร์ และ 7 นโยบาย Quick Big Win เพื่อเสริมรายได้ให้เกษตรกร สร้างตลาดใหม่ และลดค่าครองชีพประชาชน ยุทธศาสตร์ที่ 1 เสริมรายได้ โดยเฉพาะภาคเกษตร ปีนี้ไทยมีข้าวราว 25.8 ล้านตัน โดยมีข้าวหอมมะลิ 6.8 ล้านตัน ซึ่งตลาดรองรับได้ดี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ยังมีสต๊อกข้าว 1.8 ล้านตันที่ต้องบริหารให้ได้ราคาดีที่สุด กระทรวงพาณิชย์ได้ออกโครงการลดต้นทุนเกษตรกร เช่น โครงการธงเขียว ลดราคาปุ๋ย พร้อมดูแลสมดุล อุปสงค์–อุปทาน (Demand–Supply) เพื่อดูดซับผลผลิตส่วนเกิน และช่วยให้ราคาข้าวอยู่ในระดับเหมาะสม
ยุทธศาสตร์ที่ 2 สร้างและขยายตลาดใหม่ปัจจุบันไทยมี FTA แล้ว 14 ฉบับ ครอบคลุม 18 ประเทศ ซึ่งอยากให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น และเพิ่งลงนามกับกลุ่ม EFTA (ยุโรป 4 ประเทศ: สวิตเซอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ ลิกเตนสไตน์) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเจรจากับประเทศที่มีมาตรฐานสูง และยังเป็นต้นแบบไปสู่การเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป (EU) ที่กระทรวงพาณิชย์กำลังเร่งเจรจา และยังจะมี FTA ไทย-เกาหลีใต้ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในต้นปีหน้า และเน้นย้ำว่า ภาครัฐ พร้อมกระตุ้นให้ภาคเอกชนใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ที่มีอยู่ให้มากขึ้นในส่วนของตลาดใหม่ กระทรวงพาณิชย์วางแผนจัด Trade Mission เจาะตลาดที่มีศักยภาพ เช่น อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และลาตินอเมริกา โดยทำการบ้านล่วงหน้าร่วมกับภาคเอกชน เพื่อให้สินค้าตรงกับความต้องการของตลาดเป้าหมาย ทั้งด้านคุณภาพ ขนาด และบรรจุภัณฑ์
ยุทธศาสตร์ที่ 3 ลดค่าครองชีพประชาชน จัดโครงการธงฟ้า ต่อเนื่องกว่า 1,300 ครั้งทั่วประเทศ โดยปีนี้จะขยายสู่พื้นที่ชายแดน 7 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาชายแดน เพื่อช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ พร้อมเปิดความร่วมมือใหม่กับสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อเพิ่มความโปร่งใสด้านราคายา โดยประชาชนสามารถมีโอกาสตัดสินใจที่จะเลือกซื้อยาภายนอกโรงพยาบาลได้ในราคามาตรฐาน ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพด้านยาได้กว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังจับมือกับ ไปรษณีย์ไทย และ พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ผลักดันสินค้าชายแดนและสินค้าชุมชนเข้าสู่ตลาดของขวัญปลายปี ผ่านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจฐานราก
นางศุภจี ระบุว่า จุดแข็งของประเทศไทย คือ ที่ตั้งซึ่งสามารถใช้เป็นฐานการผลิตและกระจายสินค้าได้ทั่วภูมิภาค และด้วยเครือข่าย FTA ที่ครอบคลุม จึงเป็นโอกาสสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนและขยายการค้าการลงทุนในอนาคต ซึ่งไทยต้องใช้จุดแข็งนี้ของเราให้เต็มที่ ผสานกับองค์ความรู้ และการนำเทคโนโลยีมาช่วยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้ก้าวออกจากกับดักรายได้ปานกลาง โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์จะใช้เทคโนโลยีดิจิทัล พัฒนาแพลตฟอร์ม "MOC+" (plus หมายถึง ประชาชน) และ AI มาเป็นเครื่องมือสำคัญ เป็นช่องทางในการให้ประชาชนเข้ามาร้องเรียน ขอใบอนุญาตหรือเรื่องอื่นๆ บูรณาการให้ท่านเข้าถึงสะดวกสบายมากที่สุด ให้เราสามารถแข่งขันได้ในระยะเวลาที่ทันท่วงที และมาช่วยกันปรับมุมมองทัศนคติมุ่งสู่ประเทศที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย Value-Based Economy เน้นขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เน้นในเรื่องของคุณค่า ทั้งนี้ ความสำเร็จของประเทศเกิดจากทุกฝ่ายต้องจับมือกันให้แข็งแรง รัฐบาลพร้อมสร้างความเชื่อมั่น เอกชนได้โอกาส และประชาชนได้ประโยชน์อย่างแท้จริง