ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงและภาระหน้าที่ถาโถม “เดอะแบก” หรือ Sandwich Generation คือกลุ่มคนที่ต้องดูแลทั้งพ่อแม่สูงวัยและลูกหลานไปพร้อมกัน การต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวทำให้เรื่องการเงินกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เพื่อให้ก้าวผ่านความท้าทายนี้ นี่คือ 7 เทคนิคสำคัญที่จะช่วยให้ “เดอะแบก” บริหารเงินได้ฉลาดขึ้น ออมได้จริง และมีหลักประกันที่มั่นคงกว่าเดิม
1. เริ่มจากการวางแผนงบประมาณและจดบันทึกรายรับรายจ่าย
สิ่งแรกที่ต้องทำคือ “มองเห็นภาพรวมการเงินของตัวเอง” ด้วยการจดบันทึกรายรับและรายจ่ายอย่างละเอียดในแต่ละเดือน เมื่อมีข้อมูลครบถ้วนจะรู้ได้ว่าค่าใช้จ่ายใดจำเป็น ค่าใช้จ่ายใดฟุ่มเฟือยและควรลดลง การวางแผนงบประมาณที่ดีเปรียบเหมือนเข็มทิศ นำทางไปสู่การใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงที่จะต้องพึ่งพาหนี้สิน
2. ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นและจัดลำดับความสำคัญ
ไม่ว่าภาระจะหนักเพียงใด การจัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้องคือจุดเริ่มต้นของความมั่นคง ให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล ค่าการศึกษาของลูกก่อน จากนั้นค่อยพิจารณาลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น การกินข้าวนอกบ้านบ่อยๆ หรือซื้อของตามกระแส เทคนิคนี้ช่วยให้ควบคุมการเงินได้และเริ่มมีเงินเหลือเพื่อออม
3. สร้างเงินสำรองฉุกเฉินและไม่ลืมแผนเกษียณของตัวเอง
หนึ่งในข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยคือ การทุ่มเงินทั้งหมดให้กับครอบครัวจนละเลยอนาคตของตัวเอง ควรแยกเงินออมสำรองฉุกเฉินไว้ให้ได้อย่างน้อย 3–6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน เพื่อรับมือกับเหตุไม่คาดฝัน เช่น การเจ็บป่วยหรือตกงาน และควรวางแผนเกษียณตั้งแต่วันนี้ เพื่อไม่ให้ภาระนั้นตกไปอยู่ที่ลูกหลาน
4. ใช้ประกันเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง
เหตุการณ์ไม่คาดคิดอาจทำให้เงินเก็บสะสมมานานหมดไปในพริบตา การมีประกันสุขภาพ ประกันชีวิต หรือประกันโรคร้ายแรงจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในอนาคต สำหรับพ่อแม่สูงวัย ควรตรวจสอบสิทธิประกันสุขภาพที่มีอยู่เพื่อใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
5. เปิดใจคุยเรื่องเงินกับคนในครอบครัว
หลายครอบครัวหลีกเลี่ยงการพูดเรื่องการเงิน แต่ความจริงคือ การเปิดใจพูดคุยกันตรงไปตรงมาจะช่วยสร้างความเข้าใจและแบ่งเบาภาระได้ เช่น การวางแผนค่าใช้จ่ายร่วมกัน หรือการสอนให้ลูกที่โตแล้วรู้จักใช้เงินอย่างมีเหตุผล นี่คือรากฐานของความร่วมมือที่ยั่งยืนในครอบครัว
6. ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและเครื่องมือทางการเงิน
อย่าปล่อยให้โอกาสผ่านไป ควรใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้เต็มที่ เช่น ค่าลดหย่อนภาษีสำหรับบุตรหรือการดูแลพ่อแม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มเงินเหลือใช้ต่อปี อีกทั้งการลงทุนระยะยาว เช่น กองทุนรวมเพื่อการออม หรือบัญชีเงินฝากพิเศษสำหรับลูก จะช่วยให้เงินเติบโตได้อย่างมีเป้าหมาย
7. เริ่มออมและลงทุนทันที
สิ่งสำคัญไม่ใช่จำนวนเงินที่เริ่มต้น แต่คือ “เวลา” การเริ่มออมและลงทุนตั้งแต่วันนี้ จะทำให้ได้เปรียบช่วยต่อยอดเงินทุนในระยะยาว ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งเห็นผลเร็ว และยิ่งมั่นคงในอนาคต
การจัดการการเงินไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือเรื่องสำหรับคนรวย แต่คือทักษะจำเป็นของทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องรับบทบาท “เสาหลัก” ของครอบครัว ... ยิ่งวางแผนเร็ว ยิ่งลดความกังวลในอนาคต