ดร.สมธีราภ์ พรมศิริ ผู้อำนวยการศูนย์สนเทศแนะแนวการศึกษาและอาชีพ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต นำเสนอบทความ เรื่อง “ออมก่อน รวยก่อน” ทางรอดของคนรุ่นใหม่" ระบุว่า ข้อมูลจาก National Financial Educators Council (NFEC) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ให้ความรู้ด้านการเงินภาคปฏิบัติแก่ผู้คนทุกวัยระบุว่า นักศึกษาอเมริกันที่เรียนมหาวิทยาลัยมีหนี้เฉลี่ยกว่า 27,000 ดอลลาร์สหรัฐ และผู้ใหญ่อเมริกันร้อยละ 39 ไม่มีเงินออมเพื่อเกษียณ ขณะเดียวกันครอบครัวจำนวนมากไม่มีเงินแม้เพียง 400 ดอลลาร์ สำหรับรองรับเหตุฉุกเฉิน นอกจากนี้ เยาวชนที่เพิ่งเรียนจบในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีภาระหนี้นักเรียนเฉลี่ย 37,574 ดอลลาร์ พร้อมทั้งหนี้บัตรเครดิตกว่า 3,100 ดอลลาร์ ตัวเลขนี้สะท้อนว่าสถานการณ์ด้านการเงินของเยาวชนรุ่นใหม่อยู่ในสภาวะที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะต้องเริ่มต้นชีวิตทำงานด้วยภาระหนักอึ้งและมีพื้นฐานความรู้ทางการเงินต่ำทำให้เสี่ยงต่อการถูกเอาเปรียบและการตัดสินใจผิดพลาดด้านการเงินในระยะยาว
แนวคิด “ออมก่อน รวยก่อน” น่าจะเป็นทางรอดของคนรุ่นใหม่ โดยเน้นที่การกันเงินบางส่วนเพื่อออมก่อนใช้จ่ายอื่น ๆ หลักการนี้ช่วยลดแรงจูงใจการใช้เงินเกินตัวและสร้างนิสัยการออมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่ความมั่นคงในระยะยาว สำหรับ องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้การออมตั้งแต่อายุยังน้อยเป็นข้อได้เปรียบสำคัญคือ ดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest) ซึ่งหมายถึงการที่ดอกเบี้ยงอกเงยต่อยอดไปเรื่อย ๆ จากทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยที่สะสม ซึ่ง “เพื่อน” ที่ดีที่สุดของคนหนุ่มสาวไม่ใช่รายได้ที่สูง ๆ แต่อยู่ที่ “เวลา” ที่ยาวนานพอให้ดอกเบี้ยเติบโต
ตัวอย่างเช่น หากซาราห์และจอห์นลงทุนเดือนละเท่ากัน แต่ซาราห์เริ่มออมตั้งแต่อายุ 25 ปี ส่วนจอห์นเริ่มตอน 35 ปี เมื่อถึงวัย 65 ปี ซาราห์จะมีเงินกว่า 1.4 ล้านดอลลาร์ ขณะที่จอห์นมีเพียง 700,000 ดอลลาร์ ความแตกต่างไม่ใช่จำนวนเงินออม แต่คือ “เวลา” ที่ดอกเบี้ยทบต้นได้ทำงาน
“ความรู้ทางการเงิน” หรือ “Financial Literacy” คือรากฐานที่ทำให้บุคคลสามารถวางแผนการเงิน จัดการหนี้สิน และสร้างอนาคตที่มั่นคงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลจากสหรัฐฯ ระบุว่า ผู้ที่ได้รับการศึกษาเรื่องการเงินมีอัตราการออมสูงกว่า ลงทุนเพื่อเกษียณมากกว่า และมีความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด NFEC แนะนำว่า หลักสูตรการเงินสำหรับเยาวชนควรครอบคลุมการทำงบประมาณ การออม การลงทุน เครดิตและหนี้สิน ตลอดจนจิตวิทยาการเงิน ช่วยให้คนรุ่นใหม่เข้าใจพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองอย่างลึกซึ้ง และเรียนรู้การตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
กรณีตัวอย่างจากต่างประเทศที่สามารถนำมาปรับใช้เพื่อออกแบบนโยบาย “ออมก่อน รวยก่อน” ของประเทศไทย อาทิ สิงคโปร์ – ระบบออมเพื่อการศึกษาและรัฐสมทบเงิน โครงการ Post-Secondary Education Account (PSEA) ของสิงคโปร์ถือเป็นตัวอย่างระบบส่งเสริมการออมที่ประสบความสำเร็จ เด็กทุกคนจะมีบัญชีอัตโนมัติเพื่อเก็บสะสมเงินเพื่อการศึกษา และรัฐยังสมทบเงินเพิ่มเติม ในปี 2025 รัฐบาลยังมอบเงินพิเศษ 500 ดอลลาร์สิงคโปร์ เข้าบัญชี Edusave หรือ PSEA โดยอัตโนมัติอีกด้วย แนวทางนี้ช่วยลดภาระผู้ปกครองและปลูกฝังการออมตั้งแต่วัยเด็ก
สหรัฐอเมริกา – การรวมความรู้การเงินในโรงเรียน สหรัฐฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเพิ่มทักษะทางการเงินในสถานศึกษา โดยเฉพาะในโรงเรียนที่มีรายได้น้อย เพื่อป้องกันปัญหาความเหลื่อมล้ำและหนี้สินที่สะสมเรื้อรัง เยาวชนที่ได้รับการศึกษาด้านการเงินนี้จะมีภูมิคุ้มกันทางการเงินที่แข็งแรง และสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจได้ดีกว่า
บทบาทด้านการออมของภาครัฐไทย พบว่ามีนโยบายสนับสนุนการออมผ่านกองทุนสำคัญ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งรัฐร่วมสมทบเงินกับสมาชิก เพื่อสร้างหลักประกันเกษียณที่มั่นคง กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เปิดโอกาสให้แรงงานนอกระบบและผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงการออม พร้อมกิจกรรมรณรงค์เพื่อให้ความรู้ทางการเงิน กองทุนเหล่านี้สะท้อนความพยายามของรัฐในการเสริมสร้างวินัยการออมให้ประชาชนทุกกลุ่ม และเป็นฐานสำคัญของความมั่นคงในวัยเกษียณ
ส่วนนโยบายที่ควรพัฒนาเพื่อคนรุ่นใหม่เพื่อให้การออมกลายเป็นพฤติกรรมฝังราก โดยคนรุ่นใหม่ควรได้รับการสนับสนุน
ด้านโครงสร้าง เช่น สร้างกองทุนออมเพื่อการศึกษาตั้งแต่วัยเด็ก คล้ายระบบ PSEA ของสิงคโปร์ บรรจุความรู้ทางการเงินในหลักสูตรมัธยม–มหาวิทยาลัยอย่างเป็นระบบ เปิดให้เยาวชนทำงานพาร์ทไทม์ และนักศึกษาฝึกงาน เข้าร่วม กอช. หรือกองทุนลักษณะเดียวกันได้ ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่เยาวชนที่เริ่มออม พัฒนาแพลตฟอร์มออมเงินและเรียนรู้การเงินผ่านเกมและการจำลองสถานการณ์ จัดแคมเปญ “ออมก่อน รวยก่อน” อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ
ยุคที่ต้นทุนชีวิตสูงขึ้นและอนาคตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การออมไม่ใช่เป็นทางเลือก แต่เป็น “ความจำเป็น” ที่ช่วยให้
คนรุ่นใหม่มีพื้นที่ปลอดภัยทางการเงิน การเริ่มออมตั้งแต่วันนี้ด้วยเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้ในระยะยาวด้วยพลังของดอกเบี้ยทบต้นและวินัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง
ประเทศไทยสามารถก้าวสู่สังคมที่มีความมั่นคงและลดความเหลื่อมล้ำได้ หากคนรุ่นใหม่ไทยได้รับแรงสนับสนุนทั้งจากระบบการศึกษา นโยบายรัฐ และเครื่องมือทางดิจิทัลที่ช่วยให้การออมเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน เพราะว่าจริง ๆ แล้ว การออมไม่ใช่การจำกัดอิสรภาพ แต่เป็น “การคืนอิสระภาพในอนาคตให้ตนเอง” เพราะผู้ที่ออมก่อน ย่อมมีโอกาส
“รวยก่อน” และใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงกว่า
#ออมก่อนรวยก่อน #การเงินส่วนบุคคล #วางแผนการเงิน #ออมเงิน #ความมั่งคั่ง #อิสรภาพทางการเงิน








