รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์
ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต
โลกที่ผันผวนและยากต่อการคาดการณ์ การบริหารองค์กรไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน หรือสถาบันการศึกษา
ต่างเผชิญ “ความไม่แน่นอนสูง” การตัดสินใจบนฐานประสบการณ์หรือสัญชาตญาณไม่ตอบโจทย์โลกที่ผันผวนอีกต่อไป ผู้นำจำเป็นต้องมี “คู่คิดเชิงยุทธศาสตร์” ที่ช่วยมองเห็นสิ่งที่มองไม่เห็น ชี้ให้เห็นโอกาสท่ามกลางความเสี่ยง และรักษาสมดุลทางอารมณ์ในช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจภายใต้สถานการณ์ที่กดดันสูงหรือวิกฤติหนัก ๆ บทบาทนี้ที่ทำให้อาชีพ “ที่ปรึกษา
มืออาชีพ” กลายเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่องค์กรสมัยใหม่ขาดไม่ได้
โจทย์ใหญ่ของโลกปัจจุบันคือ “Radical Uncertainty” หรือความไม่แน่นอนระดับที่ข้อมูลในอดีตไม่สามารถทำนายอนาคตได้เหมือนก่อน ความท้าทายนี้ส่งผลต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เทคโนโลยี ภูมิรัฐศาสตร์ พฤติกรรมผู้บริโภค และการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร ผู้บริหารต้องตัดสินใจภายใต้ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ แรงกดดันสูง และเวลาที่จำกัด
งานศึกษาจาก MIT Sloan Review ซึ่งเผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ระบุว่าผู้นำจำนวนมาก “รู้สึกเสียใจที่พลาดโอกาส เพราะตัดสินใจช้าเกินไป” และกว่า 42% ยอมรับว่า “เลี่ยงการตัดสินใจเรื่องสำคัญเพราะไม่สบายใจ” เมื่อเผชิญ ความคลุมเครือทางข้อมูล สิ่งนี้บ่งบอกชัดเจนว่า แม้ผู้นำจะมีประสบการณ์มากเพียงใด แต่เมื่อมีอารมณ์กังวล กลัว และเสี่ยงทับซ้อนเข้ามา การตัดสินใจอาจเบี่ยงเบนจากผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ที่ปรึกษามืออาชีพจึงต้องเข้ามามีบทบาททำหน้าที่เป็น “ตัวกลางของเหตุผล” ช่วยจัดระเบียบข้อมูล ปรับมุมมอง ลดความเอนเอียงทางอารมณ์ และผลักดันให้ผู้นำตัดสินใจจากหลักฐาน แทนที่จะตัดสินใจจากความหวาดกลัวหรือ ตื่นตระหนก กล่าวอีกนัยหนึ่ง ที่ปรึกษาไม่ใช่แค่คนที่ให้คำแนะนำ แต่คือ “ผู้นำเงา (Shadow Leader)” ที่เสริมความมั่นคงขององค์กรจากด้านหลัง
จากการศึกษาที่นำมาสู่ข้อค้นพบเรื่อง ห้าคุณลักษณะของผู้นำที่ตัดสินใจได้ดีในภาวะไม่แน่นอน สามารถนำมาประยุกต์เป็น “สมรรถนะหลักของที่ปรึกษามืออาชีพ” ได้ ดังนี้
1) มองการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก (View change positively) ที่ปรึกษามืออาชีพต้องช่วยผู้นำ “ปลดล็อกอคติที่กลัวการเปลี่ยนแปลง” โดยตีความความเปลี่ยนแปลงเป็นโอกาส ไม่ใช่ภัยคุกคาม งานวิจัยชี้ว่า แม้ 70% ของผู้นำจะบอกว่าพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อเจอสถานการณ์จริงเกือบครึ่งหนึ่งกลับ “พยายามหลีกเลี่ยง” หรือเพียง “ทนให้ผ่านไป” บทบาทของที่ปรึกษาคือช่วยผู้นำเห็นภาพอนาคตอย่างจับต้องได้
2) พลิกปัญหาเป็นโอกาส (Frame unexpected challenges as opportunities instead of problems) ที่ปรึกษาที่ดีต้องฝึกผู้นำ “คิดแบบเสี่ยงอย่างมีเหตุผล” (constructive risk-taking) มองความท้าทายเป็นพื้นที่ทดลอง มากกว่าเป็นภาระให้ต้องแก้ไข ผลการศึกษาเผยว่า 74% ของคนที่ตัดสินใจได้ดีคือกลุ่มที่ “เชื่อว่าความไม่แน่นอนนำมาซึ่งโอกาสใหม่ ๆ” ซึ่งทักษะนี้ปลูกฝังได้จากการเผชิญสถานการณ์จริงและการตีความเชิงบวกต่อความล้มเหลว
3) อดทนต่อความคลุมเครือได้สูง (Train to be tolerant of uncertainty) คุณลักษณะสำคัญที่ทำให้ที่ปรึกษามืออาชีพโดดเด่น คือความสามารถในการ “ตัดสินใจแม้ข้อมูลยังไม่ครบ” โดยใช้หลักของ “การทดลอง (Experimentation)” เป็นแกนสำคัญเพราะ 32% ของผู้นำยอมรับว่า “เคยเครียดจนตัวแข็งเกร็งทำให้ตัดสินใจไม่ได้เมื่อข้อมูลไม่ชัดเจน” และอีก 42% เลื่อนการตัดสินใจเพราะไม่สบายใจที่จะคิดเรื่องยาก ๆ ตัวเลขนี้สะท้อนว่าที่ปรึกษาจำเป็นต้องเป็นคนที่ “ยืดหยุ่นทางความคิด” และลุกขึ้นนำในเวลาที่ผู้นำลังเลและเครียด
4) ล้มเหลวเป็น และกลัวความผิดพลาดน้อยกว่าคนทั่วไป (Be fluent in failure & don’t fear it) ที่ปรึกษามืออาชีพต้องยอมรับว่าสิ่งที่นำเสนออาจไม่ได้ผลเสมอ แต่ทุกความผิดพลาดคือข้อมูลชุดใหม่สำหรับการตัดสินใจรอบต่อไป ผลวิจัยพบว่า 83% ของผู้นำที่ตัดสินใจดี คือคนที่เชื่อว่าความผิดพลาดในอดีต “ทำให้ตัวเองเก่งขึ้น” ไม่ใช่ “เป็นตราบาปที่ต้องเลี่ยง” ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมที่ปรึกษาต้องมีความกล้าทางปัญญา (intellectual courage) ในการเสนอสิ่งที่แตกต่าง แม้จะเสี่ยงกับการถูกตั้งคำถาม
5) มีความหวังอย่างมีเหตุผล (Grounded optimism) เป็นคุณลักษณะที่งานวิจัยยกให้ “สำคัญที่สุด” ในสภาวะไม่แน่นอน กล่าวคือการมองอนาคตในเชิงบวกบนฐานของเหตุผล ผู้นำที่มีที่ปรึกษามืออาชีพซึ่งมีทัศนคติเช่นนี้จะคิดได้
โปร่งขึ้น ลดความกลัวที่บดบังปัญญา และเปิดพื้นที่ให้ทีมทำงานอย่างสร้างสรรค์ ผลวิจัยระบุว่า 70% ของผู้นำเชื่อว่า “ทัศนคติ” คือสิ่งที่ทำให้ “ไม่พลาดโอกาสสำคัญในชีวิต”
ในบริบทองค์กรยุคผันผวนนี้ ที่ปรึกษามืออาชีพไม่ใช่เป็นตำแหน่งที่ผู้บริหาร “มีไว้ตามธรรมเนียม” แต่เป็นบทบาทที่ช่วยให้ผู้นำก้าวผ่านความคลุมเครือด้วยสติและปัญญา ช่วยตั้งคำถามที่ถูกต้องก่อนตัดสินใจ และช่วยนำทางองค์กรให้ไม่หลงไปตามเสียงดังของความเสี่ยงหรือความกลัว
ที่ปรึกษาที่ดีต้อง “คิดลึกกว่าผู้นำ เห็นไกลกว่าทีมงาน และกล้าพูดสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าบอก” พร้อมยืนอย่างมั่นคงในวันที่องค์กรสับสน และสงบนิ่งในวันที่องค์กรต้องเลือกทางที่ยากที่สุด สำหรับผู้บริหารระดับสูงที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนอยู่ทุกวัน ต้องถามตนเอง 1 คำถามว่า “วันนี้ องค์กรท่านมีที่ปรึกษาที่กล้าพูดความจริง และช่วยมองอนาคตได้คมชัดพอหรือยัง?” เพราะในวันที่โลกเปลี่ยนเร็วกว่าที่จะตั้งหลักได้ บางครั้งความต่างระหว่าง “องค์กรที่รอด”กับ “องค์กรที่หายไป” อาจอยู่เพียงแค่… ‘มี’ หรือ ‘ไม่มี’ ที่ปรึกษามืออาชีพอยู่ข้าง ๆ ครับ...








