ภาพรวมสถานการณ์ สินค้าเกษตร ในสัปดาห์ส่งท้ายปี ระหว่างวันที่ 22–26 ธันวาคม 2568 สะท้อนให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มวัตถุดิบอาหารสัตว์และปศุสัตว์ที่ได้รับอานิสงส์จากปัจจัยฤดูกาลและแรงซื้อก่อนช่วงหยุดยาว ส่งผลให้ราคา "ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์" และ "สุกร" ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ขณะที่สินค้าหลักตัวอื่น ๆ ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับเดิม
ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในสัปดาห์นี้ มาจากปริมาณผลผลิตในไร่ที่เริ่มลดน้อยลงเนื่องจากผ่านพ้นช่วงเก็บเกี่ยวหลักมาแล้ว ส่งผลให้ราคา ณ ไซโลโรงงานอาหารสัตว์ขยับขึ้นจากกิโลกรัมละ 9.80 บาท เป็น 9.85 บาท สอดคล้องกับทิศทางตลาดโลกที่นครชิคาโก (CBOT) ซึ่งสัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนมีนาคม 2569 ปิดบวก 0.78% ที่ระดับ 4.51 ดอลลาร์ต่อบุชเชล โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อตามกลุ่มข้าวสาลีและการปรับสถานะการถือครองของนักลงทุนก่อนเข้าสู่เทศกาลวันหยุด แม้ในระยะสั้นคาดว่าราคาในประเทศจะเริ่มทรงตัวตามกลไกตลาดที่ชะลอตัวลงในช่วงปีใหม่
ในขณะเดียวกัน ตลาด กากถั่วเหลืองนำเข้า นั้นยังคง ทรงตัว อยู่ที่กิโลกรัมละ 14.85 บาท แม้ตลาดล่วงหน้า CBOT จะมีความพยายามปรับตัวขึ้นตามทิศทางสินค้าเกษตรอื่น ๆ แต่ยังคงมีปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนของดีมานด์จากจีนที่ยังซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ ไม่ถึงเป้าหมาย ประกอบกับการคาดการณ์ว่าบราซิลจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในฤดูกาลนี้ ทำให้เพดานราคาถั่วเหลืองในระยะยาวถูกจำกัดไว้ด้วยปริมาณซัพพลายที่ล้นตลาด
สำหรับกลุ่มสัตว์น้ำและปศุสัตว์ ปลาป่น ยังคงรักษาเสถียรภาพราคาไว้ได้ต่อเนื่อง โดยปลาป่นเกรดกุ้งอยู่ที่กิโลกรัมละ 49 บาท สถานการณ์ในเปรูซึ่งเป็นแหล่งผลิตหลักเริ่มชะลอตัวลงตามโควตาจับปลาที่ดำเนินไปแล้วกว่า 70% และเข้าสู่ช่วงหยุดพักเทศกาล เช่นเดียวกับสถานการณ์ในจีนที่สต็อกหน้าท่าเรือเริ่มลดลง ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามว่าหลังปีใหม่ปริมาณการจับปลาจะฟื้นตัวกลับมาเพียงใด
ทางด้านตลาด ข้าว สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยรายงานว่า ข้าวสาร 100% ชั้น 2 ส่งออก เอฟ.โอ.บี. ยังยืนราคาที่ 446 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน แม้ราคาปลายข้าวจะมีการปรับฐานขึ้นเล็กน้อย แต่ภาพรวมความต้องการของตลาดยังคงนิ่งสงบ เช่นเดียวกับราคา ไก่เนื้อ ที่ ทรงตัว อยู่ที่กิโลกรัมละ 41 บาท และ ไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม ที่ราคา 3.60 บาทต่อฟอง ซึ่งเป็นระดับราคาที่ทรงตัวมาอย่างต่อเนื่อง
จุดที่น่าจับตามองที่สุดในสัปดาห์นี้คือ "ราคาสุกร" ที่มีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติรายงานราคาหน้าฟาร์มปรับขึ้นเฉลี่ย 2 บาทต่อกิโลกรัมในเกือบทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคใต้ที่ยังยืนราคา 70 บาท การปรับขึ้นนี้เป็นผลโดยตรงจากความต้องการบริโภคที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อย่างไรก็ตาม เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรยังคงเผชิญภาวะขาดทุนเฉลี่ยตัวละ 300-800 บาท เนื่องจากราคาขายปัจจุบันยังครอบคลุมต้นทุนการผลิตเพียง 89-96% เท่านั้น แม้ต้นทุนการเลี้ยงในไตรมาส 4 จะเริ่มย่อตัวลงมาอยู่ที่ 74 บาทต่อกิโลกรัมแล้วก็ตาม
ฉะนั้นภาพรวมในสัปดาห์นี้ สินค้าเกษตรส่วนใหญ่ยังอยู่ใน ภาวะประคองตัว เพื่อรอประเมินทิศทางเศรษฐกิจในปีหน้า โดยมีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากการบริโภคในประเทศและแรงซื้อล่วงหน้าในตลาดโลกเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ คาดว่าในช่วงต้นปี 2569 ตลาดจะเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวชัดเจนอีกครั้งตามนโยบายการค้าและความคืบหน้าของผลผลิตในฤดูกาลใหม่








