ข่าววาไรตี้

ฉันจะไม่ใช้ชีวิตที่มีเพียงหนึ่งเดียวนี้อย่างอ่อนแอ “หากไม่มีตัวตน...การตื่นรู้ย่อมไม่เกิดขึ้น”

แชร์ข่าว

ปากกาขนนก/สกุล บุณยทัต

มนุษย์เราทุกคนต่างต้องมีความตระหนักรู้ต่อการเรียนรู้บทเพลงแห่งชีวิตเสมอ เนื่องด้วยเนื้อหาใจความและท่วงทำนองของมันที่ปรากฏอยู่เหนือ “กายใจ” ของเราทุกคน ล้วนเต็มไปด้วยนัยความหมายอันซับซ้อนที่พร้อมจะสอนสั่งเราให้ได้คิด

ดังนี้ คำสอนสำคัญจากจิตวิญญาณของภาวะประจักษ์จึงเกิดขึ้นเป็น “คำสอนแห่งเรื่องราว” ที่เข้มแข็ง เพื่อไม่ให้ชีวิตอันดำรงอยู่เพียงหนึ่งเดียวของเราต้องซวดเซไปสู่ความอ่อนแออันไร้ตัวตน เนื่องจาก “หากชีวิตไม่มีตัวตนเสียแล้ว การตื่นรู้เพื่อที่จะมีและใช้ชีวิตอย่างเต็มคุณค่าก็ย่อมจะไม่เกิดขึ้น!”

ความคิดอันเป็นสาระเบื้องต้นนี้ ได้รับมาจากหนังสือ “ฉันจะไม่ใช้ชีวิตที่มีเพียงหนึ่งเดียวนี้อย่างอ่อนแอ” (I Will Not Live This One Life Weakly) หนังสือที่กล่าวถึงขุมปัญญาและการธำรงสถานะอำนาจแห่งการเป็นผู้นำของตนเองเอาไว้ ผ่านเรื่องราวของปราชญ์ตะวันออกด้านวรรณกรรมอย่าง ขงจื๊อ, สามก๊ก, ปรัชญาเต้าเต๋อจิงของเหล่่าจื่อ รวมทั้งปรัชญาของวีรบุรุษ อัจฉริยะ ตลอดจนคนสามัญธรรมดาที่มีประสบการณ์อันลึกซึ้งและจริงแท้อื่น ๆ ของโลก ที่พัฒนาชีวิตของยุคสมัยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งและน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็น อีลอน มัสก์ (Elon Musk) หรือ เจนเซน หวง (Jensen Huang)

ปรากฏการณ์แห่งเนื้องานที่พวกเขาเหล่านี้ได้กระทำขึ้น ล้วนเป็นนัยสำคัญที่ได้สร้างผลกระทบต่อชีวิตอนาคตของการดำรงอยู่ในโลกนี้ของผู้คนแต่ละคน กระทั่งบังเกิดเป็นความทรงจำ! นี่คือหนังสือที่ส่งผลต่อการพัฒนาตัวเองอันล้ำค่าเล่มหนึ่ง ซึ่งเขียนและรวบรวมข้อมูลอันเป็นประโยชน์โดย “อี นัมฮุน” (Lee Nam-hun) โดยมี “กนกรัตน์ อรุณรัตนรุจรวี” ถอดความและแปลเป็นภาษาไทยด้วยความมุ่งมั่นและลึกซึ้ง

“คนที่เข้าใจด้านมืดของมนุษย์ จะไม่ตกเป็นเหยื่อของมัน!”

อี นัมฮุน ได้สื่อถึงธรรมชาติแห่งการเป็นมนุษย์ที่ถือได้ว่า “เปราะบาง” หาได้แข็งแกร่งมั่นคงดั่งยอดมนุษย์ เขาได้สอนและแนะนำให้ผู้อ่านทุกคนได้มีโอกาส “รู้เท่าทันอำนาจ” ทั้งจากโลกภายนอกและโลกภายในจิตใจ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ใครสามารถมาควบคุมชีวิตแทนตัวตนของเราได้

หนังสือเล่มนี้จึงมีเจตจำนงอันชัดเจนในการเป็นผลรวมที่สื่อถึงการเป็น “คู่มือสู่การเป็นผู้นำชีวิตของตัวเองอย่างมีศักดิ์ศรี” ทั้งด้วยแง่งามแห่งปรัชญาการใช้ชีวิต และแง่คิดแห่งการกระทำทั้งหลายทั้งปวง

“ชีวิตที่มีอำนาจ ไม่ได้เริ่มจากการชนะคนอื่น แต่มันเริ่มจากการไม่ยอมแพ้ต่อตนเอง” นั่นคือวิธีคิดที่จักพาเราเดินผ่านวิธีการของการควบคุมชีวิตอย่างลึกซึ้งและเข้าใจ มี 7 ตัวอย่างแห่งแง่คิดจากหนังสือเล่มนี้ที่ผู้อ่านทุกคนสมควรต้องเรียนรู้และประจักษ์อย่างถ่องแท้ ประกอบด้วย:

เจนเซน หวง (Jensen Huang): ระบุว่า การเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้นั้น เนื่องเพราะรู้จักรับฟังคนอื่น รวมทั้งต้องรู้จักการปล่อยวาง ซึ่งแท้จริงมันคืออำนาจในรูปแบบหนึ่งที่สามารถปรับเปลี่ยนองค์กรให้แข็งแกร่ง!

กาเซี่ยง: มืออาชีพที่ใช้วิธี “เอาชนะอย่างเงียบงัน” ด้วยกระบวนการใช้เหตุผลอันชอบธรรมเพื่อปกป้องคุ้มครองตัวเอง โดยถือว่า “บางครั้งการไม่พูดถือเป็นกลยุทธ์ที่เฉียบคมยิ่งกว่าเสียงตะโกนเสียอีก”

อุยกาย: ยอมให้ชีวิตถูกเฆี่ยนถูกโบยตีจนเลือดอาบเพื่อลวงศัตรูให้ตายใจ มันแสดงให้เห็นว่า “ความเจ็บปวดที่ยอมรับได้ด้วยสติ ย่อมต้องส่งผลเป็นราคาของชัยชนะเสมอ!”

บูเช็กเทียน: ตระหนักว่า “ความขาดแคลน” ไม่ใช่ข้อจำกัด แต่มันคือโอกาสแห่งการเติมเต็ม เพราะต่อให้เราทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้ ก็ย่อมต้องแสวงหาวิธีการกระทำให้ได้ และนี่คือหัวใจของความแข็งแกร่ง

โจโฉ: ได้สอนว่า “แม้ว่าเราจะทรยศต่อโลก แต่ต้องอย่าให้โลกทรยศต่อเรา” ดังนั้น คนที่เข้าใจด้านมืดของมนุษย์จักไม่ตกเป็นเหยื่อของมันโดยเด็ดขาด!

อีลอน มัสก์ (Elon Musk): ชี้แนะว่า “จงใช้หัวใจ” ของผู้คนเป็นพลังในการขับเคลื่อนโลกและชีวิต ศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดจะเกิดขึ้นได้เมื่อเราทำให้ผู้คนเชื่อไปกับเรา

เจฟฟ์ เบโซส (Jeff Bezos): แสดงให้เห็นถึงการยอมขาดทุนเพื่ออนาคต ด้วยการยอมขายหนังสือถูกลงถึง 40 เปอร์เซ็นต์เพื่อคว้าตลาดใหญ่ “คนที่ดื้อกับความฝันของตัวเองมากที่สุด คือคนที่ไปได้ไกลที่สุด!”

ในส่วนขยายแห่งข้อคิดของแต่ละบุคคล ล้วนมีเป้าหมายของการตระหนักรู้และเป็นแบบอย่างของการใคร่ครวญต่อชีวิต ชีวิตที่มีอำนาจไม่ใช่ชีวิตของคนที่เสียงดังที่สุด แต่มันคือชีวิตของคนที่กล้าลงมือและสามารถควบคุมตัวเองได้

โจโฉเคยกล่าวว่า “เข้าใจการทรยศจึงไม่ถูกทรยศ” เขารู้ว่าความไว้ใจเพียงอย่างเดียวคือช่องโหว่ และคนที่ไม่รู้จักการหลอกลวงย่อมตกเป็นเหยื่อเสมอ นี่คือโจโฉ บุรุษที่ถูกระบุว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่แท้จริงกลับเป็นผู้ที่เข้าใจในมนุษย์อย่างที่สุด

ด้าน เจฟฟ์ เบโซส เจ้าของ Amazon สร้างอำนาจด้วยการไม่มีช่องโหว่ เขาใช้กลยุทธ์ “โตให้ไว” (Get Big Fast) โดยยอมขาดทุนระยะสั้นเพื่อกำไรในระยะยาว เขาเด็ดขาดและไม่ปล่อยให้ความอ่อนแอของทีมงานกลืนกินเป้าหมาย แม้จะดูเหี้ยมโหด แต่ทุกการตัดสินใจมุ่งสู่การอยู่รอดและการเติบโต

อีลอน มัสก์ ก็เช่นกัน เขามีศักยภาพไร้ขีดจำกัดเพราะสามารถดึงพลังของคนทั้งโลกมาเป็นแรงขับเคลื่อนของตัวเอง ทั้ง Tesla, SpaceX และ Neuralink ทุกอย่างเกิดจากการใช้วิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นเป็นพลังแม่เหล็ก

ส่วน เจนเซน หวง ได้ให้ข้อสรุปที่น่ารับฟังว่า “ผู้นำที่แท้ย่อมไม่ใช่ผู้อยู่บนยอดสุดของหอคอย แต่คือคนที่อยู่ใกล้พื้นดินมากพอจะได้ยินเสียงของทุกๆ คน” เขาคือ CEO ของ Nvidia ผู้สร้างองค์กรที่พนักงานสามารถเรียกประชุมซีอีโอได้ทุกเมื่อ เขาเชื่อว่าการบริการคือหัวใจแห่งภาวะผู้นำ และบางครั้งต้องรู้จักลืมตัวตนเพื่อให้ได้มาซึ่งตัวตนที่แท้จริง

ว่ากันว่า ตัวเอกของชีวิตจักไม่รอจังหวะที่ดี แต่จะคอยสร้างจังหวะอยู่เสมอ ทุกความอ่อนแอคือบททดสอบของความแข็งแรง ผู้นำที่แท้จริงไม่ได้เอาชนะคนอื่น แต่จะเอาชนะใจที่กลัวของตัวเอง สุดท้าย... อย่ากลัวการเริ่มต้น เพราะคนที่กล้าคิดแม้เพียงครั้งเดียว ยังดีกว่าคนที่เอาแต่เห่าไปทั้งวัน!

หนังสือเล่มนี้จะไม่ปล่อยให้ชีวิตของเราต้องถูกคลื่นซัดจนจมหาย หรือถูกทอดทิ้งเมื่อหมดประโยชน์ แต่มันจะย้ำเตือนกับเราว่า “เมื่อไม่กล้า ก็อย่าทำ” นั่นคือรสชาติแห่งชีวิตในฐานะตัวละครเอก!

ดังนี้ จึงสมควรย้ำเตือนต่อชีวิตว่า อย่าวิ่งตามกระแสจนสูญเสียตัวตน การปรับระยะห่างระหว่างตัวตนกับโลกคือการสร้างเกราะป้องกันตัวที่ดีที่สุด ในมิติแห่งความสัมพันธ์ “การคาดหวังคือความกดดัน มารยาทคือความฉลาด” อย่าหาเหตุผลที่จะเป็นคนดีแต่กลับถูกเอาเปรียบ จงใช้สายตาในการอ่านคนและความสัมพันธ์เพื่อรักษาอำนาจในการเลือก

เมื่ออยากทะลวงขีดจำกัดของชีวิต ต้องเริ่มจากการข้ามเส้นภาวะทางใจที่ขัดขวางอำนาจของการควบคุมชีวิตให้ได้เสียก่อน “จงเป็นผู้นำ ผู้ตาม หรือไม่ก็ต้องหลีกไป!”

“ฉันจะไม่ใช้ชีวิตที่มีเพียงหนึ่งเดียวอย่างอ่อนแอ” ถือเป็นหนังสือแห่งตัวอย่างของการจัดรูปรอยชีวิตอย่างมีสาระและเปี่ยมด้วยหมุดหมายของการปฏิบัติ ปริศนาแห่งการตีความในโครงสร้างของชีวิตล้วนส่งผลต่อการสร้างสรรค์จิตปัญญาอันทรงคุณค่า

“จริงๆ แล้ว ชีวิตของมนุษย์ทุกคนล้วนซับซ้อนและเปราะบาง... แต่จงควบคุมชีวิตของคุณให้ได้ ด้วยมือที่ไม่ขลาดกลัวและไม่สิ้นความหวังของคุณเอง!”